ผู้ป่วยโควิดในจีนพุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่ แม้ทางการคุมเข้มรับมือโรคระบาด

วานนี้ (24 พฤศจิกายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนทำสถิติใหม่ แม้ทางการจีนคุมเข้มรับมือโรคระบาดตามแนวนโยบาย Zero-COVID ก็ตาม

โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ (23 พฤศจิกายน) มียอดผู้ติดโควิดรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึง 31,527 รายภายในวันเดียว นับเป็นสถิติใหม่เมื่อเทียบกับช่วงที่จีนเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดระลอกใหญ่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อวันอยู่ที่ราว 28,000 ราย

แต่อย่างไรก็ตาม จีนมีผู้เสียชีวิตจากโควิดราว 5,200 ราย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเมื่อราว 2-3 ปีก่อน โดยนับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับประชากรจีนทั้งหมดจำนวน 1.4 พันล้านรายทั่วประเทศ

ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทางการจีนในหลายพื้นที่ยกระดับมาตรการรับมือโควิดเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในกรุงปักกิ่งที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิดรายใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้ร้านค้า สถานศึกษา และร้านอาหารจำเป็นต้องปิดให้บริการชั่วคราว รวมถึงที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานของจีน ที่ประกาศล็อกดาวน์ประชาชนกว่า 6 ล้านรายอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย ตั้งแต่วันศุกร์นี้ (25 พฤศจิกายน) ไปจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน เพื่อรับมือกับโรคระบาด เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มต่อต้านมาตรการดังกล่าวของรัฐ

ทางด้านประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนระบุว่า เหตุผลสำคัญที่จะต้องยกระดับมาตรการคุมเข้มเพื่อรับมือโควิด เป็นไปเพื่อปกป้องชีวิตกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงหากได้รับเชื้อ โดยครึ่งหนึ่งของประชากรที่มีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไปยังไม่ได้รับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น อีกทั้งทางการจีนเองก็ปฏิเสธที่จะนำเข้าวัคซีนโควิดจากต่างประเทศ แม้จะมีหลักฐานยืนยันว่า วัคซีนเหล่านั้นอาจมีประสิทธิภาพสูงกว่าวัคซีนที่ทางการจีนผลิตขึ้นเอง

ภาพ: Jade Gao / AFP

อ้างอิง: