ปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตอย่างต่อเนื่อง หลังจากศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบค่าฝุ่น PM2.5 ในเขตบ้านแม่ซา ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สูงถึง 503 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ ‘มีผลกระทบต่อสุขภาพ’
ช่วงเช้าวันนี้ (4 เม.ย.) การรายงานล่าสุดจากการตรวจวัดค่าฝุ่น โดยศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2562 ณ เวลา 9.00 น. เฉลี่ยรายชั่วโมง พบว่าค่าฝุ่นละอองส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือยังคงรุนแรงต่อเนื่อง หลังจากพบค่าฝุ่น PM2.5 ที่บ้านแม่ซา ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณอยู่ที่ 503 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวัดค่า AQI สูงถึง 614 ส่วนบริเวณอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน วัดค่าฝุ่น PM2.5 ได้ที่ 342 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI อยู่ที่ 452 และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พบค่าฝุ่น PM2.5 ที่ 259 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีค่า AQI ในปริมาณที่ 370
ขณะเดียวกันการรายงานจากเว็บไซต์ airvisual.com กลับมีผลการวัดฝุ่นที่แตกต่างออกไป โดยทาง airvisual วัดปริมาณฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ 187 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพบค่า AQI อยู่ที่ 238 US AQI พร้อมครองตำแหน่งอันดับที่ 4 พื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ งดการเผาในที่โล่งเพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด ใจสั่น คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
