แดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านโปร่งสีขาวเข้ามาปลุกให้คุณตื่น ลุกจากเตียงออกไปมองนอกหน้าต่างบานยาว ตรงระเบียงปลูกดอกไม้สีสดมองเห็นถนนเล็กๆ ในปารีสที่ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว ไกลออกไป ยอดของหอไอเฟลยืนอยู่กับท้องฟ้าสีอ่อน คุณนั่งลงตรงโซฟาอีกมุมในห้อง ต้มน้ำร้อน เตรียมชงกาแฟ เค้กรสเปรี้ยวนิดๆ วางอยู่แล้วบนโต๊ะ ระหว่างรอกาแฟก็ใช้เวลานั่งมองภาพเขียนที่ติดไว้บนผนัง เป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่ราวกับว่าทั้งโลกเป็นของคุณคนเดียว

     THE STANDARD พาคุณเดินทางไปยังปารีส มหานครแห่งศิลปะที่กี่ครั้งๆ ที่เดินทางไป มักเป็นแหล่งพักใจ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้อยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อการเดินทางมาพร้อมที่พักระดับห้าดาวอย่าง Hotel Raphael ที่บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหนังของ Wes Anderson ซึ่งก็จริงแบบนั้นล่ะ เพราะผู้กำกับคนนี้เคยมาพักและใช้โรงแรมนี้ถ่ายหนังเรื่อง Hotel Chevalier (2008) มาแล้ว!

The Mood

     Hotel Raphael อยู่บนนถนน Kleber ห่างจากประตูชัย หรือ The Arc de Triomphe ไม่กี่ร้อยเมตร อยู่ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้งระดับโลกอย่าง Champs-Élysées และยังมองเห็นหอไอเฟลได้ด้วย จึงไม่น่าแปลกที่โรงแรมห้าดาวแห่งนี้จะกลายเป็นบ้านสำหรับนักเดินทางที่มีปารีสเป็นหมุดหมาย การันตีด้วยรางวัลทั้งจาก Conde Nast Traveler, Villegiature AWARD 2008 และการเป็นหนึ่งในเครือโรงแรม Leading Hotels of the World

     ผู้ก่อตั้งโรงแรมแห่งนี้ Leonard Tauber เป็นเจ้าของเดียวกับโรงแรม Regina และ Majestic ที่เปิดก่อนหน้า และได้เปิดโรงแรม Raphael ขึ้นในปี 1925 การออกแบบและตกแต่งเป็นไปเพื่อแขกระดับวีไอพี เพราะมาพร้อมความเป็นส่วนตัวที่ทำให้ผู้มาเข้าพักต่างประทับใจ ผู้บริหารโรงแรมยังเป็นคนในครอบครัว ตกทอดมาสู่รุ่นหลาน ที่ยังคงสืบต่อบริการเพื่อแขกคนสำคัญจนถึงทุกวันนี้ แขกคนสำคัญที่ว่า โดยเฉพาะนักการเมือง ผู้นำจากประเทศต่างๆ นักเขียน นักวิชาการ และยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายภาพยนตร์อยู่หลายครั้ง ทำให้กลายเป็นโรงแรมสุดโปรดสำหรับผู้กำกับและนักแสดงหลายคน อย่างเช่น Errol Flynn, Ava Gardner, Marlon Brando, Romy Schneider และนักแสดงในยุคหลังอย่าง Natalie Portman, Eva Mendes, Kylie Minogue

     ภาพยนตร์ที่ใช้ Hotel Raphael เป็นโลเคชันถ่ายทำ เช่น Holy Motors (2011) นำแสดงโดย Kylie Minogue และ Eva Mendes, Hotel Chevalier (2008) โดยผู้กำกับสายศิลป์ Wes Anderson นำแสดงโดย Natalie Portman เป็นต้น

The Room

     จากโถงล็อบบี้ที่สวยราวกับอยู่ในมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เดินไปเกือบสุดทางจะพบกับลิฟต์ดั้งเดิมของโรงแรมที่เป็นบานเฟี้ยมและยังคงใช้การได้ดี ห้องพักแต่ละห้องตกแต่งแตกต่างกันไป ทั้งธีมสี เฟอร์นิเจอร์ ภาพวาดที่เลือกใช้ อย่างห้อง The Arc de Triomphe Suite ที่อยู่บนชั้น 6 มีสีขาวงาช้างเป็นสีหลัก ระเบียงห้องนี้ ออกไปนั่งชมวิวประตูชัยได้ชัดเจน The Bureau อยู่ชั้น 5 เป็นห้องที่มาพร้อมฟังก์ชันการทำงาน คือแยกส่วนห้องทำงานออกมาจากห้องพัก เรียกได้ว่าหากมีงานมาทำด้วย ก็น่าจะเป็นห้องทำงานที่น่าอิจฉาที่สุด

The Bites

     ส่วนที่นับเป็นไฮไลต์คือ The Lounge Le 17 ที่ใช้สำหรับเสิร์ฟมื้อเช้า กลางวัน และเย็น ช่วงเช้าต้องบอกว่าแดดอ่อนๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ช่วยให้มื้อเช้าที่นี่ดีงามยิ่งขึ้น ส่วนเลาจน์ที่เชื่อมต่อกันคือ The English Bar ตกแต่งในธีมสีชมพูที่เหมาะกับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น และที่ดีอย่างยิ่งคืออาหารที่นี่อร่อยและประณีตมาก เชฟจัดเตรียมเมนูแปลกใหม่ที่ช่างคิดสร้างสรรค์ไม่ให้ซ้ำในทุกสัปดาห์ โดยเลือกวัตถุดิบในฤดูกาลมาใช้ ขอให้ลองดินเนอร์แบบไฟน์ไดนิ่ง ที่นี่จะทำให้เราจำรสชาติดีเลิศและรายละเอียดอาหารที่ Hotel Raphael ไปได้อีกนาน

Don’t Miss

     อีกหนึ่งไฮไลต์สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพ Raphael Terrace ที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมมองเห็นวิวปารีสในแบบ 360 องศา ไหนๆ ก็ไหนๆ สั่งแชมเปญมาดื่มฉลองวันพักผ่อน อัพรูปขึ้นโซเชียลก็เป็นคุณค่าที่คุณคู่ควร

Our Favourites

• ชุดของว่างที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ต้อนรับนั้น ต้องบอกว่าดีงามมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ หรือชาเปปเปอร์มินต์ ดื่มคู่กับขนมหวานที่อร่อยเหลือหลาย
• เครื่องใช้ในห้องน้ำ จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกัน เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่โรงแรมไม่เคยมองข้าม

Address: 17 avenue Kleber, 75116 Paris, France

Contact: +33 (0)1 53 64 32 10

Website: www.hotel-raphael.com

Facebook: www.facebook.com/hotel.raphael.paris

Map: 

Photo: Hotel Raphael