วานนี้ (30 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 ตอกย้ำนโยบาย ‘ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน’ ลงสำรวจย่านเศรษฐกิจยามค่ำคืนกรุงเทพฯ โดยเดินทางต่อด้วยรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าไปยังซอยนานา พูดคุยและรับฟังปัญหาจากกลุ่มผู้ประกอบการบาร์และร้านอาหาร จากนั้นเดินเท้าต่อไปยังแหล่งสตรีทฟู้ดยอดนิยมย่านเยาวราช มีประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและถ่ายภาพกับชัชชาติเป็นที่ระลึก ก่อนปิดท้ายด้วยการสำรวจป้ายรถเมล์ด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน เพื่อสำรวจสภาพการเดินทางกลับที่พักอาศัยของกลุ่มคนทำงานในช่วงเวลาหลังห้างสรรพสินค้าปิดทำการ
ชัชชาติกล่าวว่า เศรษฐกิจกลางคืนเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของเมือง และมีประชาชนอยู่ในระบบนับล้านคน ปัจจุบันมีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.8 แสนล้านบาท และมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 2.1 แสนล้านบาท ดังนั้น กทม. จำเป็นต้องดูแลสวัสดิภาพด้านต่างๆ ของผู้ประกอบการและคนทำงานในช่วงกลางคืน
ทั้งนี้ นโยบายผู้ว่าฯ เที่ยงคืน ไม่เพียงมีเป้าหมายให้ผู้คนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยตอนกลางคืนเท่านั้น แต่ยังต้องการเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มการจ้างงาน และดูแลสวัสดิภาพของแรงงานในระบบ ภายหลังประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ชัชชาติทิ้งท้ายว่า นโยบายผู้ว่าฯ เที่ยงคืน ประกอบด้วยมิติการพัฒนาหลายด้านในย่านเศรษฐกิจกลางคืน เช่น ด้านความปลอดภัย จะปรับปรุงและเพิ่มไฟส่องสว่างพร้อมจัดเทศกิจดูแลตรวจตรา, ด้านการเดินทาง จะนำร่องเดินรถเมล์เชื่อมต่อกับจุดเปลี่ยนถ่ายการสัญจรหลักครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งเป้าเดินรถขนส่งมวลชนทั้งสายหลัก-สายรองเพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ขณะที่ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก จะปรับปรุงและพัฒนาห้องน้ำสาธารณะให้ปลอดภัย ใช้งานได้จริง ไร้ข้อจำกัดเรื่องเวลาให้บริการ
“กลุ่มผู้ใช้แรงงานไม่สามารถเลือกเวลาทำงานได้ พวกเขาจำเป็นต้องทำงานตามเวลาที่สถานบริการหรือที่ทำงานกำหนด อย่างพนักงานในห้างสรรพสินค้า เลิกงานสี่ทุ่ม ถามว่ามีรถถึงบ้านหรือไม่ รถเมล์ให้บริการสุดท้ายกี่โมง ทางเข้าบ้าน-ทางข้ามถนนปลอดภัยหรือไม่ เหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่เราต้องดูแล ผู้ว่าฯ กทม. ต้องไม่ทำงานแค่เวลากลางวัน แต่ต้องดูแลผู้คนในเวลากลางคืน กระทั่งกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย” ชัชชาติกล่าว