แม้ว่าปี 2563 จะเป็นปีที่มีความท้าทายครั้งใหญ่จากวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ ‘ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย’ ต้องจัดโปรแรงอย่าง ‘อยู่ฟรี 3 ปี’ หรือ ‘ผ่อนให้ 24 เดือน’ สำหรับใช้เป็นเทคนิคดึงลูกค้า แต่ดูเหมือนว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นจะไม่มีผลกับ ‘เอพี’ และ ‘ออริจิ้น’ เพราะต่างเผยว่า ในปี 2563 ทะลุเป้าหมายกันทั้งคู่
วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การตั้งรับกับการปรับตัวที่รวดเร็วจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการกระแสเงินสดที่รัดกุม ส่งผลให้บริษัทสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตมาได้อย่างมั่นคง สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกไตรมาส
“คาดว่าในปี 2563 บริษัทจะมียอดโอนรวมเกือบ 46,000 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 40,550 ล้านบาท หรือโตกว่า 40% จากปี 2562 และคาดว่าน่าจะเป็นยอดโอนที่มากที่สุดในตลาด พร้อมคาดการณ์ผลกำไรรวมทั้งปี 2563 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทั้งหมดมาจากความสำเร็จในการส่งมอบสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม”
ทั้งนี้ปี 2563 ที่ผ่านมา เอพีได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 40 โครงการ รวมมูลค่า 45,020 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 18 โครงการ มูลค่า 20,860 ล้านบาท, ทาวน์โฮม 18 โครงการ มูลค่า 18,530 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 2,430 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท
ด้าน พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมยอดขาย (Presale) ของบริษัท ทั้งปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 25,600 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของปีนี้ที่วางไว้ที่ 21,500 ล้านบาท สวนทางสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม
ปัจจัยที่ทำให้ออริจิ้นทะลุเป้ามาจากการปรับตัว โดยเฉพาะทำตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่ม Ready to Move ได้ค่อนข้างโดดเด่น จนคิดเป็นสัดส่วนราว 65% ของยอดขายทั้งหมด
ขณะเดียวกันได้มีการปรับสัดส่วนธุรกิจมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด เพิ่มขึ้น ผ่านการเปิดตัวแบรนด์บ้านจัดสรรเซกเมนต์ใหม่ๆ ทั้งเซกเมนต์ตลาด 2-5 ล้านบาท อย่างแบรนด์ไบรตัน, เซกเมนต์ตลาด 7-10 ล้านบาท อย่างแกรนด์ บริทาเนีย
และเซกเมนต์ 25 ล้านบาทขึ้นไป อย่างเบลกราเวีย ส่งผลให้มียอดขายบ้านจัดสรรคิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2563 เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในตลาดใหม่ๆ มากขึ้น
“สำหรับปี 2563 นั้น ถือเป็นปีที่ภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์มีการปรับฐานครั้งใหญ่จากปัจจัยที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน และน่าจะเป็นจุดพักฐานที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่ปี 2564 นั้น สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ อาจเข้ามามีส่วนกดดันตลาดในระยะสั้นช่วงต้น-กลางไตรมาสแรก แม้ระยะยาวอาจจะต้องจับตากันอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งปีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมทั้งปี 2564 จะยังเติบโตได้มากกว่าปี 2563” พีระพงศ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
