Microsoft ปรับมาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของฟีเจอร์ ‘Recall’ ใหม่สำหรับการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ Copilot+ PCs ของบริษัท หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าฟีเจอร์ดังกล่าวอาจรุกล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งาน เช่น พาสเวิร์ดหรือเลขบัญชี ทำให้มีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัย
Recall เป็นฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหากิจกรรมใดๆ ที่ตนเคยทำไว้บนเครื่อง Copilot+ PCs (เครื่องพีซี Windows) ได้อย่างง่าย เพียงแค่เลือกย้อนดูประวัติหรือระบุคำสั่งให้ AI ช่วยค้นหา โดยระบบจะถ่ายภาพหน้าจอ (Screenshot) เป็นรายวินาทีให้ผู้ใช้งานสามารถย้อนกลับไปดูสิ่งที่เคยทำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่หรือเพื่อกรณีใดๆ ตามความต้องการ
ประเด็นความกังวลอยู่ที่การถ่าย Screenshot ที่กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกล่าวกับ The Register ว่า Recall อาจเก็บข้อมูลที่อ่อนไหว เช่น รายละเอียดทางการเงิน การติดต่อสื่อสารของเรา การใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ โดย Microsoft ระบุในส่วน ‘คำถามที่พบบ่อย’ บนเว็บไซต์ของตนว่า “Recall จะไม่ได้คัดกรองประเภทของคอนเทนต์ ฉะนั้นมันจะไม่ซ่อนข้อมูลอย่างเช่น พาสเวิร์ดหรือเลขที่บัญชี ซึ่งข้อมูลอาจถูกบันทึกเก็บไว้ในเครื่อง”
เหตุการณ์ความกังวลด้านความปลอดภัยนี้จึงทำให้บริษัทตัดสินใจชะลอการเปิดตัวบริการเพื่อปรับปรุงให้ฟีเจอร์ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเลื่อนจากเป้าหมายเดิมที่ตอนแรกจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายนของปีนี้ออกไปก่อน ซึ่งจะเปิดให้ผู้ใช้งานบางกลุ่มทดลองในเดือนตุลาคมนี้ตามรายงานของ CNBC และภายในเดือนพฤศจิกายนสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
David Weston รองประธานฝ่ายองค์กรและความปลอดภัย OS ของ Microsoft อัปเดตการแก้ไขล่าสุดในจดหมายแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 กันยายน) ว่าผู้ใช้งาน Windows ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะ Recall ถูกออกแบบมาโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว
ต่อมาคือการปรับจากการเปิดใช้บริการ Recall เป็นค่าเริ่มต้น (Default Mode) ให้กลายเป็นแบบที่ผู้ใช้งานมีตัวเลือกให้สามารถ Opt-in เพื่อเปิดใช้งานตามความประสงค์ได้ หรือกระทั่งเอาฟีเจอร์ Recall ออกไปเลยก็ทำได้ ซึ่งผู้ใช้งานที่ต้องการใช้ Recall จะต้องเปิด Windows Hello (วิธีการล็อกอินเข้าใช้อุปกรณ์ด้วยข้อมูลไบโอเมตริกซ์) เพื่อยืนยันตัวตนก่อน อีกทั้ง Recall ยังมีระบบกรองข้อมูลสำคัญ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตหรือเลขประจำตัวประชาชน เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานให้ปลอดภัย
“Recall จะเป็นฟีเจอร์ทีผู้ใช้งานต้องสามารถ ‘เลือก’ ใช้ด้วยตัวเองได้เสมอ Recall จะไม่บันทึกกิจกรรมการใช้งานใดๆ เว้นแต่ฟีเจอร์จะถูกเปิดใช้ โดยภาพและข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้น ไม่มีการเผยแพร่กับ Microsoft หรือบุคคลที่สาม รวมทั้งผู้ใช้ Windows คนอื่นๆ ที่ใช้อุปกรณ์เดียวกันด้วย โดย Windows จะขออนุมัติจากผู้ใช้งานก่อนที่จะบันทึกภาพหน้าจอทุกครั้ง ผู้ใช้งานมีสิทธิ์ควบคุมตลอดเวลา สามารถลบภาพหน้าจอ หยุด หรือปิดการใช้งานได้ทุกเมื่อ” Weston ระบุ
ในช่วงท้าย Weston ระบุเพิ่มเติมว่า Microsoft มุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนเข้าถึงศักยภาพของ AI ไปพร้อมกันกับการปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
การออกมาแก้ไขปัญหาฟีเจอร์ Recall ของ Microsoft เป็นจุดที่บริษัทพยายามทำให้ผู้บริโภคมั่นใจกับการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าตั้งคำถามต่อคือการที่ Microsoft ไม่ได้เอะใจในประเด็นนี้ตั้งแต่แรกและตัดสินใจประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าว ก่อนจะต้องชะลอการเปิดใช้งานให้กับลูกค้าเนื่องจากเสียงโต้แย้งของคนในวงการไอทีทำให้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงฟีเจอร์ จนอดคิดต่อไม่ได้ว่า “มีอะไรที่ Microsoft เคยพลาดไปก่อนหน้านี้หรือไม่?”
ภาพ: Jason / Redmond / Getty Images
อ้างอิง:
