เคยรู้สึกว่าตัวเองรักใครสักคนมากเกินไปบ้างหรือเปล่า? หรือเคยถูกบอกว่า “สิ่งที่เธอทำมันมากเกินไปแล้วนะ” หรือไม่? แม้ว่าความรักจะเป็นสิ่งสวยงาม แต่บางครั้งมันก็ทำให้เราเจ็บปวดได้เช่นกัน แล้วเราจะรักอย่างไรให้พอดี และไม่ทำร้ายตัวเองล่ะ? หากใครจำนักเขียนชื่อดังอย่าง Elizabeth Gilbert ได้ เธอเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ Eat, Pray, Love ว่า “To lose balance sometimes for love is part of living a balanced life.” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเสียสมดุลบ้างเพื่อความรักก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่สมดุล แต่ปัญหาคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรที่เรากำลัง “รักผิดคน?”
อาจมีบางครั้งในชีวิตที่ตัวเราเองหรือไม่ก็เพื่อนและคนรู้จักของเราหลงรักใครสักคนหัวปักหัวปำ เขาทุ่มเทให้กับความสัมพันธ์นี้อย่างสุดหัวใจ จนถึงขั้นยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้เห็นคนที่เขารัก ‘พึงพอใจ’ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยตอบสนองความรู้สึกของเขาเลย ความรักที่มากเกินไปทำให้คนตาบอด ประโยคนี้อาจใกล้เคียงความจริงที่สุด รักมากจนลืมดูแลตัวเอง และสุดท้ายก็ต้องเสียใจเมื่อรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุ่มเทลงไปไม่ต่างกับการเทน้ำลงบนผืนทราย หรือถ้าโชคร้ายเจอคนที่คบเพื่อตักตวงผลประโยชน์ ความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการ ‘รักผิดคน’ และ ‘รักมากเกินไป’ จนทำให้ตัวเองเดือดร้อน การทุ่มเทความรักให้กับใครสักคนนั้นไม่ผิด แต่เราต้องไม่ลืมดูแลตัวเองและความฝันของเราด้วย
ดร.จอห์น กอตต์แมน นักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์ชื่อดัง กล่าวว่า “The most important thing in a relationship is not communication, but connection.” ความเชื่อมโยงทางอารมณ์และจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่การสื่อสารเพียงอย่างเดียว เมื่อเรารู้สึกว่าเรากำลังรักใครสักคนมากเกินไป ลองถามตัวเองดูว่า เรายังรู้สึกมีสายสัมพันธ์กับคนคนนั้นอยู่หรือไม่? หรือเรากำลังพยายามรักอยู่ฝ่ายเดียวอย่างสุดกำลังกันแน่? การรักมากเกินไปไม่ใช่ความผิด แต่การรักผิดคนอาจทำให้เราเสียเวลาและพลังงานไปกับคนที่ไม่ตอบรับความรู้สึกของเรา
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรที่เรากำลัง ‘รักผิดคน?’
การจะรู้ว่าเรากำลังรักผิดคนอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะเมื่อเรามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อคนคนนั้น แต่ก็มีสัญญาณบางอย่างที่เราควรสังเกตและจับสัญญาณให้ได้ เช่น
- ความสัมพันธ์ไม่บาลานซ์กัน ลองเช็กดูว่าคุณทุ่มเทกับความสัมพันธ์มากกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เช่น คุณมักจะเป็นฝ่ายโทรหาหรือส่งข้อความหาแฟนเสมอ ในขณะที่แฟนแทบไม่เคยติดต่อมาก่อนเลย
- คุณค่าของตัวเองลดลง คุณรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไปเพื่อให้อีกฝ่ายพอใจ บางคนยอมเลิกทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบเพราะแฟนไม่ชอบ และพยายามทำตัวเป็นคนละคนเพื่อเอาใจแฟน
- ความต้องการพื้นฐานไม่ได้รับการตอบสนอง คุณรู้สึกว่าความต้องการพื้นฐานของคุณถูกละเลยมาโดยตลอด คุณอาจต้องการความมั่นคงและอยากคุยเรื่องแผนในอนาคต แต่แฟนปฏิเสธที่จะพูดถึงอนาคตร่วมกันเสมอ
- คุณมักรู้สึกไม่มีความสุข เมื่อไรก็ตามที่ความรักทำให้คุณเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้ามากกว่ามีความสุข นั่นอาจเป็นสัญญาณที่เตือนว่าคุณอาจกำลังรักผิดคน
- ขาดการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่สนับสนุนเป้าหมายและความฝันของคุณ อาจต้องคิดให้ดีว่าถ้าต่อไปเขาไม่มีใจจะซัพพอร์ตคุณตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ แล้วอนาคตจะอยู่กันรอดได้อย่างไร?
- การให้อภัยฝ่ายเดียว คุณมักเป็นฝ่ายขอโทษหรือให้อภัยเสมอ แม้ในกรณีที่คุณไม่ผิด ถ้าทุกครั้งที่ทะเลาะกัน แม้ว่าแฟนคุณจะเป็นฝ่ายผิด แต่คุณก็มักเป็นคนขอโทษก่อนเสมอเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้
- รักนี้ไม่เคยให้ความรู้สึกปลอดภัยเลย คุณรู้สึกไม่มั่นคงในความสัมพันธ์และกลัวว่าจะถูกทิ้งตลอดเวลา ยิ่งคบนาน ยิ่งเสียสุขภาพจิต
แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อให้มีความรักที่สมดุลและลงตัว?
สิ่งที่เราอยากย้ำเตือนผู้อ่านที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์นี้คือ ต้องอย่าลืมว่าการรักตัวเองก็สำคัญไม่แพ้การรักคนอื่น เมื่อเรารู้จักและเข้าใจตัวเองมากขึ้น เราก็จะสามารถเลือกคนที่ใช่และรักได้อย่างสมดุลมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังมีความรักหรือกำลังค้นหาความรัก ขอให้เชื่อมั่นว่า คุณมีค่าพอที่จะได้รับความรักที่ดีและเหมาะสม อย่ายอมรักผิดคนเพียงเพราะกลัวเหงาหรือโดดเดี่ยว จงรักตัวเองให้มาก แล้วความรักที่ใช่จะเข้ามาหาคุณไม่ช้าก็เร็ว