รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG เดินหน้าบุกตลาดสิงคโปร์ หลังรัฐบาลหนุนภาษี เพิ่มแรงจูงใจด้วยสถานีชาร์จกว่า 60,000 จุด สอดรับเป้าหมายทั้งประเทศเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานสะอาด ก่อนเตรียมยุติใช้รถยนต์สันดาปในปี 2030 หวังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ถึงวันนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าการผลิตรถยนต์ EV ในจีนยังคงขยายตัวด้วยความเร็วสูงมากจนเกินความต้องการของตลาดภายในประเทศ ทำให้หนึ่งในเป้าหมายหลักของหลายๆ บริษัทคือการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปขยายการเติบโตในต่างประเทศ
เช่นเดียวกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีนทั้ง ZEEKR และ XPENG ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์เป็นครั้งแรก โดย ZEEKR นั้นเป็นแบรนด์หรูในเครือ GEELY ประเดิมตลาดด้วยรถโมเดลแรกคือรุ่น ZEEKR X ซึ่งเป็นรถ SUV ระดับพรีเมียม ราคาเริ่มต้นที่ 1.9 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 5.3 ล้านบาท
ส่วน XPENG ได้เปิดตัวโชว์รูมชั่วคราวให้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น XPENG G6 รถไฟฟ้า SUV Coupe ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 5.5 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โดยปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนหลายๆ แบรนด์เริ่มสนใจเข้ามาทำตลาดในสิงคโปร์อย่างมาก เพราะผู้คนให้ความนิยมกันอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นจากยอดขายรถยนต์จำนวน 1 ใน 3 ที่ขายได้ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมากกว่าปี 2023 ถึง 2 เท่า
ทั้งนี้ การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้ผลักดันให้มีการนำ EV มาใช้พร้อมสิ่งจูงใจด้านภาษีและขยายสถานีชาร์จเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีจุดชาร์จทั้งหมด 7,100 จุด และมีเป้าหมายขยายจุดชาร์จให้ได้ 60,000 จุดภายในปี 2030
ด้าน Mars Chen รองประธานบริษัท ZEEKR กล่าวหลังจากเปิดตัวแบรนด์ในสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สิงคโปร์ได้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านมาสู่รถ EV เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเราเชื่อว่าประสบการณ์ของ EV ที่นอกเหนือไปจากการขนส่งเพียงอย่างเดียวจะมอบประสบการณ์เพิ่มความสะดวกของการขับขี่ระดับพรีเมียมอีกด้วย และเรายังมองเห็นสัญญาณบวกในการขยายตลาดไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถึงกระนั้นการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์มีความท้าทายจากแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากค่ายรถรายใหญ่อย่าง BYD ครึ่งปีแรกของปี 2024 สามารถสร้างยอดขายกว่า 2,587 คัน พุ่งขึ้น 83% ขณะที่ Tesla มียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 28 คันเท่านั้น
นักวิเคราะห์ Maybank Securities กล่าวว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังพยายามเข้าไปเจาะทุกตลาดทั่วโลก และสิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะเป็นประเทศที่เล็ก แต่ด้วยการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและผังเมือง สามารถตอบโจทย์รถยนต์ EV ได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ที่ต้องการผลักดันให้เปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาด และตั้งเป้าเลิกใช้รถยนต์ดีเซลในปี 2025 รวมถึงเลิกใช้รถยนต์สันดาปให้ได้ภายในตั้งแต่ปี 2030 เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อเนื่องในเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่รัฐบาลสิงคโปร์ได้ขยายโครงการ EV Early Adoption ออกไปอีก 2 ปี จนถึงปี 2025 ภายใต้โครงการนี้จะลดค่าธรรมเนียมภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนใหม่จะได้รับเงินคืน 45% โดยจำกัดไว้ที่ 15,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ BMI ของบริษัท Fitch Solutions กล่าวต่อไปว่า การขยายเงินอุดหนุน EV จะทำให้รถรับส่งผู้โดยสาร หรือแท็กซี่เปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ EV มากขึ้น และด้วยโครงสร้างพื้นฐานของเมืองจะทำให้เพิ่มจุดชาร์จได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ EV สำหรับการรับส่งผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 73.7% ในปี 2024
อ้างอิง: