คนชอบดื่มชาหลายคนน่าจะรู้จัก TE (ที) จากกระปุกชาแก้วรูปเหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ที่บรรจุชาเบลนด์ต่างๆ ที่มีตั้งแต่สารพัดใบชา บรรดาสมุนไพร และดอกไม้แห้งรวมอยู่ด้วยกัน หรือไม่ก็ตามคาเฟ่ในหลายจังหวัดที่พกพาชากุหลาบตัวเด็ดอย่าง Midsummer Dream ติดร้านไว้ เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่นำกระแสการผสมชา ทำให้เกิดกลิ่นและรสใหม่ๆ สร้างประสบการณ์การกินชาที่แตกต่างและเข้าถึงง่ายกว่าการชงใบชาเปล่าๆ กับน้ำเหมือนสมัยก่อน

หลังจากทำแบรนด์ชาขายทางออนไลน์และตามตลาดนัดต่างๆ มาจนย่างเข้าปีที่ 5 ปลา-นันธิดา รัตนกุล และ ณัฐ-ณัฐกิจ อุดมศรีรัตน์ คู่รักเจ้าของ TE ก็ได้ฤกษ์เปิดหน้าร้านเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมาในชื่อ TE Time and Space (ที ไทม์ แอนด์ สเปซ)

เราเองที่เคยชิมชาเบลนด์ของบ้านนี้มาหลายตัวรู้สึกว่าตั้งแต่มีหน้าร้านแล้วชาที่นี่ก็สนุกขึ้นไปอีก เลยอยากพาไปชิมด้วยกัน

มุมสงบในซอยทองหล่อ 25

The Vibe

ตัวร้านอยู่ในตรอกย่อยจากซอยทองหล่อ 25 อีกที บวกกับการตั้งร้านลึกเข้าไปจากรั้วบ้าน ทำให้แม้จะมีรถผ่านหน้าร้านอยู่บ้าง TE Time and Space ก็ยังให้บรรยากาศที่สงบ ยิ่งเมื่อสิ่งแรกๆ ที่มองเห็นในร้านคือเคาน์เตอร์ไม้และสีเขียวชอุ่มของใบไม้หลายพันธุ์ ยิ่งทำให้รู้สึกเย็นตาเหมือนได้เข้ามาพักผ่อนไปใหญ่

ชั้นล่างจัดเป็นเคาน์เตอร์และมุมพักเล็กๆ ใต้ชั้น 2 ของตัวบ้าน พร้อมที่นั่งให้พอได้นั่งรับอากาศธรรมชาติ สำหรับคนที่มาแวะซื้อชากลับไปหรือคุยกันแบบเร็วๆ

บาร์ชงชาทอดตัวยาวอยู่ที่ชั้น 2

ส่วนใครที่มีเวลา เราแนะนำให้เปิดประตูแล้วเดินขึ้นไปชั้น 2 เพื่อพบกับบาร์ชงชาขนาดใหญ่หน้าตาคล้ายร้านสมุนไพรจีนที่มีกระปุกชาและส่วนผสมตั้งเรียงอยู่บนตู้ชิดผนัง แสดงถึงความจริงจังเรื่องชา แต่ว่าผ่อนคลายด้วยแสงโทนสีเหลืองและการจัดร้านที่ทำให้บรรยากาศน่านั่งยิ่งกว่าเก่า

ปลา-นันธิดา รัตนกุล กับวิธีชงชา

The Tea

จุดเด่นของชาจากบ้านนี้คือการใช้ชาเต็มใบที่ได้อานิสงส์จากธุรกิจนำเข้าชาอายุหลายสิบปีจากครอบครัวณัฐ ทำให้ได้ชาเขียวและอู่หลงจากประเทศจีน มารวมกับชาดำ ชาสมุนไพร และดอกไม้แห้งต่างๆ ที่คัดสรรมาจากภายในประเทศ ขายทั้งเดี่ยวๆ และแบบผสม

ที่เราว่าความสนุกของชาเพิ่มขึ้นในบ้านหลังนี้ก็เพราะว่านอกจากชากว่า 10 เบลนด์ที่ TE วางขายอยู่แล้ว ปลายังสร้างส่วนผสมใหม่มาให้แวะไปลองได้เรื่อยๆ ทุกเดือน และยิ่งไปกว่านั้น คนดื่มอย่างเราก็สามารถมาเบลนด์ชาที่ชอบจากส่วนผสมที่ถูกใจเองได้อีก ซึ่งบาร์ชาบนชั้น 2 สร้างไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

รับชาแบบไหนดีล่ะ

The Drinks

ใครไม่รู้จะเริ่มที่ไหน แนะให้เริ่มจากตัวดื่มง่ายขายดีอย่าง Midsummer Dream ที่มีตัวชูโรงเป็นดอกกุหลาบ ใช้ใบหม่อนแทนใบชา ผสมกระเจี๊ยบและหญ้าหวานให้ออกรสทั้งเปรี้ยวหวานโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือจะเป็น Forgetful Purple Rain ชาเขียวผสมข้าวไรซ์เบอร์รี หอมกลิ่นข้าวชัด พร้อมสีม่วงโดดเด่น นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว ที่นี่ยังเบลนด์ชาตามประโยชน์ทางสมุนไพร เช่น Silent Lullaby ที่ช่วยคนนอนไม่หลับด้วยสรรพคุณธรรมชาติของดอกคาโมมายล์

ละเลียดสโคนคู่กับชาเพื่อความอร่อยไปอีกแบบ

ชาร้อนราคาเริ่มที่ 80 บาท ส่วนชาเย็นเริ่มที่ 100 บาท ส่วนใครอยากได้รสชาติเข้มข้นขึ้นก็ยังมีตัวเลือกเป็นม็อกเทลชาที่ผสมชากับน้ำผลไม้และน้ำเชื่อมต่างๆ ในราคา 140 บาท และสุดทางของเรื่องนี้คือไอศกรีม (ลูกละ 95-110 บาท) ที่ได้นักทำไอศกรีมจาก Poptales มาเปลี่ยนรสชาให้หวานเย็นชื่นใจเหมาะกับบ่ายร้อนๆ และล่าสุดความทะยานไกลก็ไปหยุดที่ชาโฟลต เอาไอศกรีมมาลอยบนชาเย็น นี่เป็นคอมโบที่จะมีให้ชิมเปลี่ยนไปทุกเดือนด้วยนะ

วัตถุดิบชงชาตามใจฉัน และอาหารรสมือแม่ของแท้

What You Should Know

หากคุณหิวมากกว่าที่ชาจะช่วยได้ ที่ร้านยังมีอาหารฝีมือแม่ (ที่มาจากครัวของคุณแม่เจ้าของร้านจริงๆ) เปลี่ยนไปตามใจแม่ โดยมีให้เลือกวันละ 2 อย่าง ส่วนใครที่อยากจิบชาพร้อมขนม ทางร้านมีขนมให้อร่อยคู่กับชาอย่างสโคน ฟินองซิเยร์ (Financier) ไปจนถึงขนมไทยๆ อย่างสัมปันนีเอาไว้บริการด้วย และเราขอแนะนำว่าถ้าวันไหนไปเจอฟินองซิเยร์ให้รีบคว้าไว้ เพราะเนื้อฉ่ำหอมเนยแซมกลิ่นชา อร่อยมากๆ