วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ซึ่งมีแก๊งคอลเซ็นเตอร์รวมอยู่ด้วยว่า ต้องกวาดล้างทั้งระบบ เพราะคนที่เคยทำความผิดก็ทำผิดซ้ำซาก ไม่กลัวการติดคุกติดตะราง แต่กลัวการยึดทรัพย์มากกว่า ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้ประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบและเฉียบขาดต่อไป
ส่วนจะต้องดำเนินการเน้นย้ำในกรณีดังกล่าวอย่างไรนั้น ประเสริฐกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ระบุยาก เพราะกระบวนการคนออกนอกประเทศเป็นเรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าเดินทางออกนอกประเทศไปทำอะไร ไปทำธุรกิจหรือทำอะไรในต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าการข้ามชายแดนไปที่เมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา เพื่อไปทำงานหรือไปดำเนินธุรกิจไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองนี้ไม่ใช่เมืองธุรกิจที่คนไทยจะไปติดต่อค้าขายได้
โดยคนไทยที่เดินทางกลับแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจำนวน 41 คน เดินทางกลับมาทางฝั่งแม่สาย อยู่ระหว่างการคัดกรองที่จังหวัดเชียงราย และกลุ่มที่สอง ซึ่งเดินทางกลับมาถึงเมื่อวานนี้ มี 266 คน อยู่ระหว่างการคัดกรองเช่นกัน ซึ่งในกลุ่มแรกมีหมายจับทั้งหมด 7 คน เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอีก 3 คนมีคดียาเสพติดและหลอกลวงแรงงาน ส่วนกลุ่มที่สอง 266 คน บางคนก็มีคดีอาญาติดตัวอยู่ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกำลังสืบสวนสอบสวน
ส่วนที่ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นดินแดนสแกมเมอร์ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าเดินทางเข้ามานั้น ประเสริฐกล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย แต่เชื่อว่าแก๊งนี้อาละวาดในหลายประเทศ ไม่ว่าจะประเทศจีนหรือประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ ซึ่งทางการไทยกำลังดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาดในการดำเนินการพาเหยื่อจากเมียนมากลับมา จนนำไปสู่ผลการปราบปรามขนานใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงต้องทำ แต่ต้องมีการบูรณาการกับหน่วยงานหลายส่วน เช่น ปปง. กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม