วันนี้ (11 กันยายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธานในการประชุม
เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวอภิปรายว่า นโยบายเป็นเรื่องที่ สว. ให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสถาบันฯ ซึ่งรัฐบาลนี้รู้แล้วว่าจะรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลได้ระบุอย่างชัดเจนว่าจะไม่แก้ไขหมวดที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนเองจึงอยากขอบคุณรัฐบาลที่มีความชัดเจน
เสรีกล่าวต่อว่า ตนเองสนับสนุนนโยบายที่รัฐบาลได้หาเสียงไว้ ซึ่งมีหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดี แต่เราสนับสนุนการจัดทำนโยบายที่มีความชัดเจน เช่น การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตนเองคิดว่าในการเสนอนโยบายดังกล่าว เป็นการกำหนดว่าจะเป็นการตอบแทนกับการลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง จึงมองว่าเป็นนโยบายที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเท่าไรนัก เพราะจะทำให้พรรคการเมืองมีการเสนอนโยบายเกทับกัน
ขณะเดียวกันการระบุแหล่งที่มาของเงินงบประมาณก็ยังไม่ครอบคลุม ซึ่งตนเองต้องการรัฐบาลที่มีการกำหนดอย่างชัดเจนว่านำงบประมาณมาจากไหน แต่การแถลงนโยบายครั้งนี้คำตอบที่ได้เป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน การนำงบประมาณมาจากภาษีอากร ซึ่งมองว่าทำให้เกิดปัญหาการบริหารได้
เสรีอภิปรายอีกว่า เมื่อได้มีการหาเสียงไปแล้ว และรัฐบาลก็ยืนยันว่าสามารถทำได้ แต่รัฐบาลต้องพิจารณาถึงผลที่จะตามมา การจะแจกเงินคนละ 10,000 บาทนั้น ตนเองเชื่อว่าใครก็อยากได้ แต่รายจ่ายของแต่ละคนนั้นมากกว่า 10,000 บาท และเมื่อใช้เงินนั้นหมดไปแล้ว ประชาชนก็ทุกข์เหมือนเดิม
เสรีกล่าวแนะนำรัฐบาลว่า ประชาชนต้องมีอาชีพ หากรัฐบาลใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท นำเงินมาสร้างอาชีพให้กับประชาชน จะทำให้ประชาชนได้รับเงินทุกเดือน และมีความยั่งยืน รวมถึงยังกล่าวอีกว่า การจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจขอให้รัฐมนตรีทุกคนทุกกระทรวงเป็นทีมเศรษฐกิจ อย่าตั้งแค่ 4-5 คน การเป็นรัฐบาลนั้นขอให้ใจกว้างรับปัญหาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และนำปัญหาทั้งหมดมาแก้ไข จะทำให้เกิดการบริหารเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างยั่งยืนและมั่นคง
