ประวัติศาสตร์ด้านนวัตกรรมที่โด่งดังของ Apple รวมถึงผลิตภัณฑ์อันเลื่องชื่อ ได้แก่ iPhone และ iPad แก็ดเจ็ตเหล่านี้กลายเป็นผู้สนับสนุนรายได้หลักให้กับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดอย่าง Vision Pro ผู้สังเกตการณ์ในอุตสาหกรรมคาดการณ์เส้นทางที่ยาวกว่ามากในการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ลองย้อนกลับไปดูประวัติผลิตภัณฑ์ของ Apple ในช่วงแรกของการเปิดตัว iPod มันไม่ได้กลายเป็นแหล่งรายได้หลักในทันที แต่ iPod ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ก่อนที่จะได้รับความนิยมจนสร้างรายได้เกือบ 40% ของรายได้ต่อปีของ Apple ซึ่งเท่ากับประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์
ในทางกลับกัน iPhone เอาชนะข้อกังวลเบื้องต้นเกี่ยวกับราคาที่สูง และการวางจำหน่ายแบบพิเศษผ่าน AT&T แต่ผู้บริโภคก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของมันได้ Apple ขายได้ 1 ล้านเครื่องภายใน 3 เดือนหลังจากเปิดตัว และในช่วงปีแรกที่วางจำหน่าย ตัวเลขดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 ล้านเครื่อง ภายในปี 2009 iPhone มีรายได้สูงถึง 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดของ Apple
iPad ก็ไม่แพ้ใคร เพราะทำรายได้เกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 18% ของยอดขายทั้งหมดของ Apple ภายในเวลาเพียง 1 ปีหลังจากเปิดตัว ในปีแรกนั้น Apple ขาย iPad ได้ประมาณ 15 ล้านเครื่อง มากกว่าไอโฟนรุ่นแรกถึง 3 เท่า
ตรงกันข้ามกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Apple Watch ที่แม้ช่วงแรกจะไม่ได้ปังในทันที แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจของ Apple ตอนนี้ Apple Watch ควบคู่ไปกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น AirPods, หูฟัง Beats, HomePod และ Apple TV ทั้งหมดนี้ทำรายได้รวมกันประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเทียบกับการขาย Mac
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า Vision Pro จะมีการเดินทางที่ยืดเยื้อมากขึ้นเพื่อไปสู่ความสำเร็จที่คล้ายกัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาที่สูง (คิดเป็นเงินไทยราว 1.2 แสนบาท) และการตัดสินใจที่จะจำกัดการวางจำหน่ายครั้งแรกในตลาดสหรัฐฯ
Vision Pro ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในราคา 10 เท่าของ Apple Watch จะไม่ขยายไปทั่วโลกเป็นเวลาหลายเดือนหลังจากเปิดตัวครั้งแรกใน ‘ต้นปี 2024’ และแม้จะผ่านไปถึงปี 2025 ก็อาจจะยังไม่สามารถจำหน่ายได้อย่างทั่วถึง
แต่ราคาและความพร้อมใช้งานไม่ใช่อุปสรรคเพียงอย่างเดียว Vision Pro มาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่เหมือนใคร ประการแรก เป็นเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักมาก ซึ่งอาจไม่ดึงดูดใจผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับอุปกรณ์น้ำหนักเบา นอกจากนี้ Vision Pro ยังต้องการแบตเตอรี่ภายนอกเพิ่มจำนวนมาก
กระนั้นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดอาจเป็นเรื่องทางจิตวิทยาอย่างการโน้มน้าวให้ผู้บริโภคทำสิ่งที่พวกเขาอาจไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการนำ Vision Pro ที่เปรียบได้กับคอมพิวเตอร์มาสวมที่หน้า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว Apple หวังที่จะขายชุดหูฟัง Vision Pro ในหลักหลายล้านชุดในปีแรก แต่เป้าหมายที่สูงส่งเหล่านี้ถูกลดขนาดลงเรื่อยๆ ขณะนี้ มีการคาดการณ์ว่า Apple อาจขายได้ระหว่าง 4-5 แสนเครื่องในปีแรก แต่อาจสร้างรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ถึงกระนั้น เพื่อให้บรรลุถึงระดับสูงสุดของความสำเร็จของ iPad ยอดขาย Vision Pro จะต้องเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ เป็นประมาณ 8 ล้านเครื่องต่อปี ด้วยข้อจำกัดในปัจจุบันของผลิตภัณฑ์และต้นทุนที่สูง การบรรลุสิ่งนี้จึงดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้สูงในระยะเวลาอันใกล้นี้
Apple มีแผนสำหรับรุ่นที่มีราคาย่อมเยามากขึ้น และรุ่นต่อๆ ไปที่มีคุณสมบัติเพิ่มเติม ซึ่งอาจช่วยลดช่องว่างได้ แต่ถึงแม้จะมีรุ่นที่ราคาต่ำกว่าซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 ดอลลาร์ ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจยังคงเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่เช่น Mac หรือ iPad
ที่สำคัญการยอมรับชุดหูฟังจะยังคงเป็นที่ต้องการเฉพาะกลุ่มจนกว่า Apple จะลดราคาให้ใกล้เคียงกับ iPhone และออกแบบใหม่ให้ใกล้เคียงกับแว่นตาทั่วไปมากขึ้น
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง:
