ไทยกลายเป็นประเทศที่ 3 ที่ Standard International เชนโรงแรมสุดฮิปเลือกที่จะขยายธุรกิจ Residences เข้ามา หลังจากมองเห็นโอกาสจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
ธุรกิจ Residences ได้เปิดตัวแล้ว 2 แห่งที่ The Standard Residences, Midtown Miami ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 6.5 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 23 ล้านบาท และมีราคาแพงสุดอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘แสนสิริ’ ลงทุน 800 ล้านบาท เปิด ‘โรงแรม The Standard, Hua Hin’ มองไกล 2-3 ปี เตรียมนำเข้ากองรีทหรือออกเป็น ICO
- ‘แสนสิริ’ เดินหน้าย้ำเจ้าตลาดซูเปอร์ลักชัวรี เตรียมส่ง 7 โครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection กว่า 18,000 ล้านบาท บุกปี 2566
- เคาะเปิด โรงแรม The Standard , Bangkok Mahanakhon 29 ก.ค. นี้ ด้านบริษัทแม่จะนำแบรนด์ Bunkhouse เข้ามาเจาะโรงแรมขนาดเล็ก ย้ำจะไม่มี ‘การซื้อ’ มาทำเอง
อีกแห่งคือ The Standard Residences, Palácio Santa Clara ประเทศโปรตุเกส มีราคาเริ่มต้น 9 แสนยูโร หรือราว 35 ล้านบาท และมีเพนต์เฮาส์ราคาแพงอยู่ที่ราว 2 ล้านยูโร หรือ 78 ล้านบาทด้วยกัน
“ทั้ง 2 แห่งประสบความสำเร็จในการเปิดตัวและขายไป 80% ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น” อมาร์ ลัลวานี ประธานกรรมการบริหาร The Standard International กล่าว “ที่เราเลือกมาเปิดที่ไทย นอกจากตลาดที่ฟื้นตัวแล้ว ยังมาจากการรับรู้แบรนด์หลังจากที่เราเปิดโรงแรม 2 แห่ง”
สำหรับในไทย แห่งแรกจะเป็นการจับมือกับ ‘แสนสิริ’ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ The Standard International ในสัดส่วน 62% เบื้องต้นอยู่ติดชายหาดห่างจาก The Standard, Hua Hin ราว 4.5 กิโลเมตร ประกอบด้วยห้อง 258 ยูนิต ตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 45 ตารางเมตร ถึงพูลวิลล่า ขนาด 220 ตารางเมตร คาดเปิดขายไตรมาส 1/67
ส่วนอีกแห่งจับมือ ‘เครือเซ็นทรัล’ เปิดที่ภูเก็ตภายใต้ชื่อ The Standard Residences, Phuket Laguna โดยมี 222 ยูนิต เริ่มต้น 1 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร ถึงดูเพล็กซ์ขนาด 270 ตารางเมตร คาดเปิดขายไตรมาส 1/67 หรืออาจเป็นไตรมาส 4 ของปีนี้
โดยราคายังไม่ได้รับการเปิดเผย แต่คาดว่าอาจจะเริ่มต้นเกือบ 10 ล้านบาท
“เรายังสนใจที่จะเปิดในกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถหาทำเลที่เหมาะสมได้ โดยเราต้องการทำเลใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิท หรือทองหล่อ” บริพัตร หลุยเจริญ กรรมการผู้บริหาร สแตนดาร์ด เอเชีย กล่าว “ขณะนี้เราเปิดรับบริษัทที่อยากพัฒนา Residences ในกรุงเทพฯ”
สำหรับธุรกิจโรงแรมมีการเปิดเผยว่า The Standard, Hua Hin ทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนที่ 4 ของการเปิดดำเนินการ ส่วน The Standard, Bangkok Mahanakhon ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
“เราพบว่าตอนนี้จากเดิมที่เป็นลูกค้าคนไทย ได้ปรับสัดส่วนเป็นลูกค้าต่างชาติมากขึ้น หลักๆ จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ซึ่งรู้จักแบรนด์ของเราจากการไปใช้บริการที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถบินจากเกาหลีใต้ไปใกล้กว่า”
ปัจจุบัน The Standard International ประกอบไปด้วยโรงแรม 21 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นแบรนด์ The Standard 8 แห่ง, The Peri 2 แห่ง และ Bunkhouse 11 แห่งในอเมริกา
สิ่งที่น่าสนใจคือ The Standard International มีอัตราการจองโดยตรง 60% ซึ่งทำให้ประหยัดค่าคอมมิชชันสำหรับการจองผ่านบุคคลที่สาม 15-20% ผู้ใช้เว็บไซต์มีมากกว่า 3 ล้านคนในปี 2565 โดย Standardhotels.com มีสัดส่วนการจอง 45% และอัตราส่วนผู้เข้าพักซ้ำ 30% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความภักดีต่อแบรนด์และลดต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า
แผนต่อจากนี้จะมีการขยายอีกราว 50 แห่งทั่วโลกภายในปี 2569 ในไทยจะมีแบรนด์ The Standard ที่พัทยา (ปี 2567), เขาใหญ่ (ปี 2568) และมีเป้าหมายที่จะเปิดในภูเก็ตและเกาะสมุย
ส่วน The Peri จะมี The Peri Riverside Bangkok (ปี 2567), The Peri Bangkok Sukhumvit (ปี 2568) และ The Peri Phuket (ปี 2569)