×

เคาะเปิด โรงแรม The Standard , Bangkok Mahanakhon 29 ก.ค. นี้ ด้านบริษัทแม่จะนำแบรนด์ Bunkhouse เข้ามาเจาะโรงแรมขนาดเล็ก ย้ำจะไม่มี ‘การซื้อ’ มาทำเอง

21.07.2022
  • LOADING...
The Standard, Bangkok Mahanakhon

ผลกระทบจากโควิดทำให้ต้องเลื่อนเปิดมาหลายรอบ แต่ในที่สุด โรงแรม The Standard , Bangkok Mahanakhon แลนด์มาร์กแฟลกชิปของเอเชียใจกลางกรุงเทพฯ ของเชนโรงแรม The Standard ก็มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 29 ก.ค. นี้ ซึ่งถือเป็นโรงแรมที่ใช้แบรนด์ The Standard แห่งที่ 2 ในไทยต่อจากหัวหิน

 

“เชื่อว่า The Standard, Bangkok Mahanakhon จะสร้างปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกต่างต้องจับจ้องไม่ใช่แค่เพียงเฉพาะในไทย” เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งรอบนี้สวมหมวกประธานกรรมการ Standard International บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard กล่าว

 

เหตุที่ครั้งนี้เศรษฐาไม่ได้พูดในฐานะ ‘ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)’ เหมือนทุกครั้งที่ออกงานแถลงข่าวและแถลงการณ์ของแสนสิริ เป็นเพราะปัจจุบันแสนสิรินั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 62% ในเชนโรงแรมสุด ‘ฮิปสเตอร์’ อย่าง Standard International

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

รับจ้างบริหารจาก คิง เพาเวอร์

สำหรับโรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon ที่กำลังจะเปิดนี้ ทางเชน The Standard จะเป็นเพียงผู้รับจ้างบริหารจากกลุ่มคิง เพาเวอร์

 

โดยหากย้อนกลับไป กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ทุ่มเงินกว่า 14,000 ล้านบาท เข้าซื้อโครงการมหานครในส่วนของโรงแรม, จุดชมวิว Observation Deck, อาคารรีเทลมหานครคิวบ์, ร้านค้าปลีกบริเวณพื้นที่รีเทล 4 ชั้น รวมถึงที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมจาก บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แล้ว

 

ก่อนจะเปลี่ยนมือจากเพซมาเป็นคิง เพาเวอร์นั้น มีการระบุว่า โรงแรมซึ่งจะตั้งอยู่ที่ชั้น 1-20 จะถูกพัฒนาเป็นบูติกโฮเทลขนาด 155 ห้อง ภายใต้แบรนด์ ‘เดอะ บางกอก เอดิชั่น’ (The Edition) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ภายใต้เครือยักษ์ใหญ่อย่าง Marriott

 

แต่หลังจากเปลี่ยนเจ้าของได้ไม่นานก็มีการประกาศว่าโรงแรมที่ตั้งอยู่ในตึกมหานครจะถูกเปลี่ยนเป็น ‘โรงแรมโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรสแห่งแรกของโลก’ ซึ่งอยู่ภายใต้ Accor Hotels เครือบริหารโรงแรมยักษ์ใหญ่ โดยมีห้องพักรวมทั้งหมด 154 ห้อง แต่สุดท้ายก็ถูกเปลี่ยนมาใช้เชน The Standard แทน

 

ราคาห้องพักจะมีตั้งแต่ 5,500-20,000 กว่าบาท โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7,000 บาทต่อคืน ขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้วประมาณ 20% นอกจากนี้ยังมีคิวรอจองร้านอาหาร Ojo (โอโฮ) นานถึง 1 เดือนแล้วด้วย

 

 

รายได้เติบโต

เศรษฐากล่าวต่อว่า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ทำให้ Standard International ที่มีแสนสิริเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถสร้างรายได้จากพอร์ตลงทุนธุรกิจโรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับโลก เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาที่ท้าทายถึง 128% ในปีที่ผ่านมา

 

โดยรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน การจัดงาน และการท่องเที่ยวแบบกลุ่มองค์กรเติบโตสูงขึ้น ขณะเดียวกันขยายระยะเวลาเข้าพักนานขึ้นจาก 2.5 วัน เป็น 4 วัน และใช้เวลาพักผ่อนไปกับไลฟ์สไตล์ในโรงแรมมากขึ้น จากอาหารและเครื่องดื่มซึ่งทำรายได้มากกว่าห้องพัก สวนทางอุตสาหกรรมโรงแรมที่รายได้จากห้องพักจะมากกว่า ตลอดจนการจองเข้ามาโดยตรงมากถึง 55% ต่างจากอุตสาหกรรมที่อยู่ราว 20% เท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการจองผ่านแพลตฟอร์มกลางจึงต้องเสียค่าธรรมเนียม 17-20%

 

“ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงแรม The Standard เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งแม้ในสถานการณ์โลกที่ท้าทายและผลกระทบเศรษฐกิจ”

 

โดยปัจจุบันมีโรงแรม 7 แห่งทั่วโลก ได้แก่ ไมอามี, นิวยอร์ก, ลอนดอน, มัลดีฟส์, อิบิซา และหัวหิน ในประเทศไทย ที่แสนสิริลงทุนเอง 100% ด้วยเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท

 

โรงแรม The Standard, Hua Hin ถือว่าเติบโตได้ดี มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่สูงถึง 80% ภายในเดือนแรกที่เปิดตัว และมียอดจองห้องพักเต็มต่อเนื่องเกือบทุกสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคู่แข่งราว 10% นอกจากนี้ยังมีอัตราราคาอยู่ที่ 6,000 บาท และวันหยุด 9,000 บาท ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งเช่นกัน

 

 

ตามแผนภายในปี 2569 จะมีโรงแรม The Standard ทั่วโลก 19 แห่ง ในประเทศไทยจะมีเปิดตัวอีกแห่งหนึ่งที่ ‘พัทยา’ ซึ่งตัวโรงแรมตั้งอยู่บริเวณหาดจอมเทียน คาดเปิดปี 2568 โดยครั้งนี้เป็นการรับจ้างบริหารเช่นกัน เนื่องจากแสนสิริย้ำว่า ต่อไปจะไม่เน้นลงทุนเองแต่จะรับจ้างบริหารและร่วมถือหุ้นมากกว่า

 

นอกจากนี้ในไทยจะมีการเปิดตัว The Peri Hotel บริเวณสุขุมวิท 24 ด้วยจำนวน 169 ห้อง ในปี 2568 ซึ่ง The Peri นั้นมีที่เขาใหญ่และหัวหินอยู่แล้ว

 

นำแบรนด์ Bunkhouse เข้ามาเจาะโรงแรมขนาดเล็ก

ด้วยเมืองไทยที่เป็นหมุดหมายหลักที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบและสถานการณ์ที่กำลังฟื้นตัว ทำให้ Standard International จะนำเครือ ‘Bunkhouse’ (บังค์เฮาส์) ภายใต้ 2 แบรนด์คือ ‘The Saint Collection’ และ ‘By Bunkhouse’ เข้ามาในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

โดยเข้ามาเจาะกลุ่มตลาดทั้งท่องเที่ยวลักชัวรี นักเดินทางที่แสวงหาประสบการณ์การเดินทางแบบมีสไตล์ และนักลงทุนพัฒนาโรงแรม 3 จุดเด่นด้านงานดีไซน์ ความใส่ใจในรายละเอียด และการสร้างวัฒนธรรมที่จริงใจ ซึ่งปัจจุบัน Bunkhouse มีโรงแรมทั้งหมด 9 แห่งในสหรัฐอเมริกา

 

Bunkhouse จะเข้ามาเจาะโรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางด้วยจำนวนห้องเริ่มต้น 30 ห้องไปจนถึง 100 ห้อง โดยเศรษฐาย้ำว่า “จะไม่มีการเข้าไปซื้อเพื่อรีโวทเอง แต่จะเข้าไปคุยกับเจ้าของโรงแรมเดิมที่เห็นศักยภาพให้เราเข้าไปบริหารให้ หรือหากจะลงทุนก็จะเป็นลักษณะร่วมลงทุนมากกว่า”

 

 

เศรษฐาฉายภาพว่า Bunkhouse เหมาะสำหรับเมืองรอง เช่น เชียงราย, สุโขทัย, จันทบุรี, ระยอง และชุมพร ซึ่งเป็นเมืองเล็กที่มีวัฒนธรรมอันโด่ดเด่น แต่ยังขาดเชนโรงแรมระดับโลกเข้าไปเติมเต็มนักท่องเที่ยวที่อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ 

 

ภายใน 3-5 ปี คาดว่า Bunkhouse จะมีโรงแรมราว 6 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในจำนวนนี้คาดว่า 3 แห่งจะอยู่ในไทย เหตุที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเยอะเป็นเพราะว่า “เรามีความท้าทายในการต้องอธิบายให้เจ้าของโรงแรมเข้าใจคอนเซปต์ซึ่งแตกต่างจากโรงแรมโดยทั่วไป” เศรษฐากล่าว

 

ในแง่ของภาพรวมเศรษฐามองว่า ด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนและการเปิดประเทศ จะสร้างอานิสงส์ระยะสั้นช่วง 3-9 เดือนข้างหน้า แต่ยังมีความท้าทายจากสายการบินที่จะเข้ามา รวมถึงระยะยาวต้องได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่อาจจะออกนโยบายฟรีวีซ่า เป็นต้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising