กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB FM) มองเงินบาทในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จะยังผันผวนสูงและมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้ จาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1. นโยบายการเงินโลกที่จะสวนทางกันมากขึ้น เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ผ่อนคลายนโยบายการเงิน และ 2. ความไม่แน่นอนของการเมืองไทยยังมีอยู่ ทั้งเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและการดำเนินนโยบายภาครัฐในระยะต่อไป ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
แพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ผ่านมาอ่อนค่าลงจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หลังนักลงทุนปรับมุมมองว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยต่อได้, เศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้เงินหยวนซึ่งมีความสัมพันธ์กับเงินบาทสูงอ่อนค่าลง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ที่ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทย ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาล เงินบาทต่อดอลลาร์จึงอ่อนค่าลงราว 1.30% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคพบว่า การอ่อนค่าของเงินบาทยังน้อยกว่า ทำให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่าขึ้นราว 1.20%
แพททริกเปิดเผยว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนสูง ทำให้มีลูกค้าเข้ามาทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) กับทางธนาคารเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารประเมินว่า ปริมาณการทำธุรกรรม FX Forward ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนราว 10% ซึ่งธุรกรรมส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจทองคำที่มีการซื้อ-ขายมากขึ้นในช่วงที่ราคาทองคำผันผวนสูง และการส่งเงินกลับต่างประเทศ (Dividend Payout) ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มักจะมีมากในไตรมาสที่ 2 ของปี
สำหรับในระยะต่อไป นโยบายการเงินโลกจะมีความแตกต่างกันมากขึ้น โดยถึงแม้ Fed อาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน แต่ก็มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยต่อในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มลดลงช้า ส่วนในยุโรป ECB น่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อได้อีก 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี PBOC ล่าสุดได้ลดดอกเบี้ย 7-Day Reverse Repo จาก 2.00% มาอยู่ที่ 1.90% ทำให้นโยบายการเงินของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาสวนทางกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายสู่ EMs อาจลดลง และกดดันให้เงินบาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าต่อได้
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการเมืองไทยก็ยังมีอยู่ ทั้งเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลและการดำเนินนโยบายภาครัฐในระยะต่อไป ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทิศทางของค่าเงินบาท SCB FM ประเมินว่า เงินบาทต่อดอลลาร์น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.35-35.35 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้
ด้วยเหตุนี้ จึงแนะให้ลูกค้าป้องกันความเสี่ยงเงินบาทอ่อนค่า โดยลูกค้านำเข้าอาจพิจารณาซื้อ Call Spread ระยะเวลา 3 เดือน โดยมีราคาใช้สิทธิ์ที่ 34.60 บาทต่อดอลลาร์ และป้องกันความเสี่ยงถึงระดับราคาที่ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนลูกค้าส่งออกที่สามารถรอได้ SCB FM แนะนำรอจังหวะขายเงินดอลลาร์ Spot ภายในระยะราว 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะได้ช่วงราคา 35.20-35.40 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อเข้าทำธุรกรรม FX Forward ต่อไป