วันนี้ (12 พฤษภาคม) กองทัพซูดานและกองกำลังกึ่งทหาร Rapid Support Forces (RSF) ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะปกป้องชีวิตของพลเรือน รวมถึงการเปิดทางให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในประเทศ แต่ถึงเช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ และยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบศึกกันในเร็วๆ นี้
หลังจากที่ได้ส่งผู้แทนไปเจรจาสันติภาพที่เมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบียเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในแถลงการณ์ว่า พวกเขาจะร่วมหารือเพิ่มเติม เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระยะสั้นในอนาคต แต่ถึงเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาก็กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีทีท่าที่ ‘ห่างเหิน’ กันอยู่มาก
แถลงการณ์ที่ออกมาหลังจากที่ได้มีการเจรจาสันติภาพรอบล่าสุดระบุว่า สองกองกำลังทหารซูดาน ‘มุ่งมั่นที่จะจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับการหารือเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงระยะสั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน’ ขณะที่ถ้อยแถลงจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะโฟกัสไปที่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาราว 10 วัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า หนทางที่จะสร้างสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่หยุดยิงระยะสั้นอย่างในตอนนี้ ‘ยังคงอีกยาวไกล’ แต่สหรัฐฯ หวังว่าเจตจำนงของทั้งสองฝ่ายที่ได้ลงนามในแถลงการณ์ล่าสุดนี้จะถือเป็นโมเมนตัมสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดความคืบหน้าเชิงบวกต่อไปในอนาคต ส่วนในการเจรจาครั้งต่อไปนั้นคาดว่าจะมีกลุ่มพลเรือนของซูดานเข้าร่วมหารือด้วย
สำหรับสถานการณ์สู้รบวานนี้ (11 พฤษภาคม) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า สองกลุ่มทหารยังคงปะทะกันต่อเนื่อง ขณะที่มีเครื่องบินรบบินเหนือกรุงคาร์ทูม รวมถึงเมืองบาห์รีและออมดุรมานซึ่งอยู่ติดกัน แต่สถานการณ์การสู้รบนั้นแลดูเบาบางกว่าวันก่อนหน้า
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า นับตั้งแต่เหตุรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 600 คน และมีผู้บาดเจ็บกว่า 5,000 คน ขณะที่มีประชาชนราว 700,000 คนต้องหนีตายพลัดถิ่นไปที่อื่นๆ ในประเทศ ส่วนผู้ที่อพยพออกจากประเทศอยู่ที่ราว 150,000 คน
แฟ้มภาพ: Ahmed Satti / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
