ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ เดินหน้ายื่นไฟลิ่งบริษัทร่วมทุน ANI เล็งขาย IPO จำนวน 554.74 ล้านหุ้น ใน Q3/66 หวังนำเงินลงทุนขยายกิจการ พร้อมตั้ง บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดมีมาร์เก็ตแคปไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ หรือ III ผู้ทำโลจิสติกส์ครบวงจร เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการนำบริษัทร่วมทุน บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ ANI ธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ANI ซึ่งได้แต่งตั้ง บล.เกียรตินาคินภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เรียบร้อยแล้ว
โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากิจการหรือมูลค่ามาร์เก็ตแคปไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 554.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท
“การนำ ANI เข้าตลาดหุ้นเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของ III เมื่อแล้วเสร็จ ANI จะเป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อนหลักที่จะทำให้ภาพรวมธุรกิจของบริษัทสามารถเติบโตทั้งในเรื่องเครือข่ายและการขยายพื้นที่ในการทำธุรกิจตามที่บริษัทกำหนดไว้”
หากได้รับการอนุมัติขายหุ้น IPO ตามแผนในไตรมาส 3/2566 นี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างผลกำไรในอนาคตของ ANI ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินชั้นนำกว่า 20 สายการบิน ครอบคลุมไทย ฮ่องกง จีน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา ถือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนสายการบินระดับภูมิภาครายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ หลังจาก ANI ขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ANI โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 36.1% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ ANI จากเดิมถือหุ้น 51.66%
สำหรับผลประกอบการของ ANI มีความแข็งแกร่ง แม้ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดในหลายปีที่ผ่านมายังสร้างกำไร และล่าสุดจากข้อมูลงบการเงินเสมือนปี 2565 มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 7,717.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 815.5 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มในปี 2566 หลังจากจีนเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าการค้าจะสามารถเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (GSA) รวมทั้ง ANI จึงมองมุมบวกสำหรับโอกาสในการเติบโตของ ANI อย่างต่อเนื่องจนถึงประมาณการปี 2570
นอกจากนี้จากความต้องการของการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และการมีพื้นที่รองรับสำหรับการขนส่งที่จำกัดในระยะสั้นถึงระยะกลาง คาดว่าจะทำให้ค่าระวางสินค้าสำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศยังมีโอกาสในการเติบโตต่อ
ขณะที่จุดแข็งของ ANI ที่ให้บริการหลายประเทศ ครอบคลุมภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ ANI มีความพร้อมเต็มที่ในการรองรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคสำหรับสายการบินขนาดต่างๆ เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการ GSA รายย่อยอื่นๆ ภายในประเทศ และด้วยเครือข่ายการให้บริการที่มีความครอบคลุมและการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน ทำให้ ANI สามารถใช้ประโยชน์จากความพร้อมที่มีเพื่อเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นและสร้างเครือข่ายความร่วมมือใหม่ๆ
อีกทั้งจากประสบการณ์ในการทำงานด้านการขยายธุรกิจด้วยตนเองของ ANI ทำให้ ANI มีความพร้อมในการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งโอกาสในการนำเสนอบริการเพิ่มเติมทำให้ ANI ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแบบครบวงจรที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการขนส่งสินค้าทางอากาศ