เราว่าความคลาสสิก เรียบง่าย แต่ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ น่าจะเป็นรสชาติที่หลายคนเริ่มโหยหา เพราะในบางวันเราแค่ต้องการอาหารที่ดี ปรุงด้วยรสชาติไม่ขาดไม่เกิน แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกพิเศษจนอยากกลับมาอีก

ทั้งหมดที่ว่าไปคือเสน่ห์ของ Café Wolseley (คาเฟ่ โวลส์ลีย์) ร้านอาหารจากกรุงลอนดอนที่เสิร์ฟความคลาสสิกให้ชาวอังกฤษมานาน 20 ปี ทว่าตอนนี้ชาวกรุงเทพฯ ก็จะได้ลิ้มรสชาติเดียวกัน เมนูเดียวกัน ณ ร้านป๊อปอัพแห่งนี้ที่จะเปิดเพียง 3 เดือน (แน่นอนว่าหากกระแสตอบรับดีก็จะอยู่นานขึ้นอีก)

The Vibe

Café Wolseley Bangkok อยู่ในโรงแรมอนันตรา สยาม เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นห้องอาหารเมดิสัน สเต๊กเฮาส์ แต่โรงแรมตกแต่งใหม่ทั้งหมดให้กลายเป็นบรรยากาศสไตล์ Café Wolseley ที่ใกล้เคียงสาขาต้นฉบับมาก

ด้านในจึงมีกลิ่นอายยุโรปหรูหราแบบคลาสสิก เน้นใช้โทนดำสลับขาว ปูพื้นด้วยพรมลักษณะเดียวกัน และมีโซนครัวเปิดอยู่ด้านในสุดของร้าน ถ้าหากจองห้องรับประทานแบบส่วนตัวจะได้เห็นห้องครัวแบบใกล้ชิดด้วย

The Taste

เชฟเดวิด สตีเฟนส์ (David Stevens) ผู้คิดเมนูให้กับ Café Wolseley ประเทศอังกฤษมาตั้งแต่เริ่มแรก บินมาดูแลสาขานี้ด้วยตัวเองตลอด 3 เดือนเต็ม เชฟบอกเราว่า “ที่นี่จะเสิร์ฟรสชาติสไตล์อังกฤษดั้งเดิมอย่างที่ทำมาโดยตลอด เช่นเดียวกับหน้าตาอาหารที่ดูเรียบง่าย การปรุงที่สมบูรณ์แบบ ไม่หวือหวา”

เมนูที่คัดมาเสิร์ฟใน Café Wolseley Bangkok จึงล้วนเป็นจานซิกเนเจอร์ที่ชาวอังกฤษชื่นชอบ เป็นเมนูสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดให้สั่งแบบอะลาคาร์ต ใครจะแบ่งกินด้วยกันหรือกินคนเดียวก็อิ่ม หรือถ้าใครมาครั้งแรกจะลองสั่งเซ็ตเมนูมื้อกลางวัน 2-3 คอร์สมาลองก่อนก็ได้

เมนูที่เราชิมวันนี้เป็นจานโด่งดังประจำ Café Wolseley บางเมนูเสิร์ฟมาตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งก่อนอื่นร้านจะเสิร์ฟขนมปังบาแกตต์กับเนยสูตรของร้านให้รองท้อง

ก่อนเริ่มต้นมื้อด้วยจานสตาร์ทเตอร์ ‘Prawn & Avocado Cocktail (580 บาท)’ เมนูซิกเนเจอร์ที่มีทั้งความเบา สดชื่น ด้วยเยลลี่เลมอนและผักกาดหอม มีความครีมมี่จากอะโวคาโด ตัดกับกุ้งเนื้อเด้ง

‘Heritage Beetroot Salad (450 บาท)’ สลัดบีตรูต 2 สีที่ดูเรียบง่าย เปรี้ยวหวานสดชื่นจากน้ำสลัด เราชอบที่ใส่ชีสนมแพะเข้ามา เพราะทำให้รสชาติจานผักไม่น่าเบื่อ

‘Roast Anjou Chicken with Morels (1,700 บาท)’ เมนคอร์สจานใหญ่ และเป็นจานที่เราชอบ ขนาดจริงจะเสิร์ฟไก่ครึ่งตัว แต่วันนี้เชฟแบ่งมาให้ทุกคนแล้วเรียบร้อย จานนี้ใช้ไก่จากฝรั่งเศส นำไปย่างจนเนื้อนุ่ม หนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดมอเรลและมันฝรั่ง รสชาติทั้งหมดกลมกล่อม

‘Baked Vanilla Cheesecake (330 บาท)’ ของหวานไฮไลต์ที่เสิร์ฟมานาน 20 ปี เป็นชีสเค้กเนื้อเบาเนียนนุ่มสไตล์นิวยอร์ก กินแล้วหวานหอมกลิ่นวานิลลาเบาๆ เชฟบอกว่าไม่จำเป็นต้องเสิร์ฟคู่ซอสหรือผลไม้ เพราะเชื่อว่าแค่นี้ก็อร่อยด้วยตัวมันเอง ซึ่งเราที่ไม่ถนัดของหวานยังรู้สึกว่านี่เป็นชีสเค้กที่ทุกคนต้องรัก

Good for

อย่างที่บอกว่า Café Wolseley เป็นร้านอาหารยุโรปคลาสสิกสไตล์อังกฤษ เพราะฉะนั้นความแฟนซีแบบไฟน์ไดนิ่งสมัยใหม่จะไม่มีให้เห็นที่นี่ แต่เราชอบที่เชฟเดวิดตอบเราว่า

“ความพิเศษของ Café Wolseley ก็คือความดั้งเดิม นี่คือรสชาติที่ชาวอังกฤษกิน บางเมนูเราเสิร์ฟมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็มี อีกสิ่งที่เราใส่ใจนอกจากรสชาติก็คือลูกค้าและการให้บริการ เราฟังลูกค้าเสมอว่าพวกเขาต้องการอะไร”

เพราะแบบนี้ พอเราถามว่าหากลูกค้าต้องการให้เชฟปรับรสชาติที่ทำ เขาจะยอมได้แค่ไหน เชฟเดวิดตอบว่า “เราฟังลูกค้าเสมอ และถ้าหากครัวเราสามารถทำให้ได้ เราก็ยินดี”

Café Wolseley Bangkok จะเปิดให้บริการเพียง 3 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และจะมีเมนูพิเศษที่หลายคนอยากชิมมาอีกเรื่อยๆ

Café Wolseley Bangkok

Open: เปิดทุกวัน เวลา 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.30 น. (วันอาทิตย์เปิดเฉพาะมื้อค่ำ)

Address: โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ 

Budget: เริ่มต้น 1,000-3,000 บาท (เซ็ตมื้อกลางวัน 2 คอร์ส 750++ บาท หรือ 3 คอร์ส 1,100++ บาท)

Map: 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์