JD.com ทุ่ม 1.5 พันล้านดอลลาร์ งัดกลยุทธ์ราคาถูก พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหม่จับลูกค้า เริ่มต้นเดือนมีนาคม 2023 หวังแซงหน้าคู่แข่ง Pinduoduo รายใหญ่ในจีน แม้อีกด้านจะเป็นดาบสองคมที่อาจกระทบรายได้และกำไรก็ตาม
SCMP รายงานว่า JD.com อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน เตรียมใช้งบประมาณ 10 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้เปิดตัวแคมเปญใหม่ ครอบคลุมทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมระบบหลังบ้าน โดยจะเริ่มแคมเปญในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2023
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ถอนทุน 100%! ‘เซ็นทรัล’ เตรียมหย่าขาด JD.com พร้อมอาจเปลี่ยนชื่อ JD Central เป็น JD Commerce คาดเกิดขึ้นภายในปีนี้
- JD.com พลาดตรงไหน? เปิดเหตุผลสู่การ ‘ปิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ’ ในไทยและอินโดนีเซีย ที่ไม่ได้เป็นเพราะการขายขาดทุนเท่านั้น!
- ถอนทุน 100%! ‘เซ็นทรัล’ เตรียมหย่าขาด JD.com พร้อมอาจเปลี่ยนชื่อ JD Central เป็น JD Commerce คาดเกิดขึ้นภายในปีนี้
ทั้งนี้แผนดังกล่าวมีผลมาจากการปรับกลยุทธ์ด้านราคาที่ผิดพลาดของ ริชาร์ด หลิว ผู้ก่อตั้งบริษัท เมื่อปีที่ผ่านมา และถือเป็นการใช้งบในการตลาดครั้งแรก หลังจาก ริชาร์ด หลิว เข้ากุมบังเหียนอาณาจักรของเขาอีกครั้ง หลังได้ยุติคดีข่มขืนในอเมริกา
ริชาร์ด หลิว ผู้ก่อตั้ง JD.com กล่าวว่า กลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงง่าย นับเป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นก็เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Pinduoduo อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดในจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้แม้ว่า JD.com จะมีฐานลูกค้าที่อยู่ในระดับสูงกว่า แต่เครือข่ายก็ไม่ครอบคลุมมาก ถ้าเทียบกับ Pinduoduo ที่สามารถสร้างรายได้ในเมืองเล็กๆ ในประเทศจีนได้ โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่า Pinduoduo ได้ทุ่มงบเปิดตัวโครงการสนับสนุนร้านค้า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและรองรับผู้บริโภคมีแนวโน้มอ่อนไหวในเรื่องของราคาอย่างต่อเนื่อง
Zhuang Shuai ผู้ก่อตั้งและหัวหน้านักวิเคราะห์ของ Bailian ที่ปรึกษาด้านอีคอมเมิร์ซ ระบุว่า การลงทุนดังกล่าวของ JD.com อาจช่วยกระตุ้นตลาดอีคอมเมิร์ซให้เติบโตได้ และมองว่าการเติบโตของ JD.com ต่อจากนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยตลาดแมสเป็นหลัก
แต่สิ่งที่น่ากังวล หลังจาก JD.com และ Pinduoduo เดินหน้าแข่งขันกันด้วยราคาอย่างหนัก เพราะต้องการตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนที่สนใจสินค้าราคาถูก
แต่อีกด้านก็เป็นดาบสองคมที่จะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่าย ซึ่งอาจมีผลต่อรายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทในอนาคตได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าในช่วงแรกๆ Pinduoduo ขาดทุนอย่างมาก รวมถึงในปี 2022 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในจีนกว่า 89 แห่งได้ปิดตัวลง จากผลกระทบของโควิดทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซซบเซาลงอย่างหนัก
อ้างอิง: