สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างแหล่งข่าววงในใกล้ชิดจำนวน 9 ราย ที่ออกมายืนยันตรงกันว่า ทางธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB กำลังพิจารณาเร่งดำเนินการเพื่อยุติโครงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเตรียมจะปรับขึ้นอัตรดอกเบี้ยนโยบายโดยรวมอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้ อย่างช้าที่สุดไม่เกินเดือนกันยายน
ก่อนหน้านี้ ทางธนาคารกลางยุโรปแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะค่อยๆ ดำเนินการยกเลิกการใช้มาตรการกระตุ้นต่างๆ ในปีนี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นแรงกดดันให้ทาง ECB ต้องยุติการใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ที่ใช้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบสิบปี
สำหรับสถานการณ์เงินเฟ้อในขณะนี้ถือเป็นปัญหาหลักในการกำหนดนโยบายทางการเงินของสหภาพยุโรป (EU) ในเวลานี้ โดยในขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวของ ECB จะยังอยู่ในเป้าหมายที่ 2% แต่จากการประมาณการล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาพบแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคจะสูงเกินเป้าที่ตั้งไว้ลากยาวไปจนถึงปี 2024
หนึ่งในแหล่งข่าวนิรนามกล่าวว่า เงื่อนไขในปัจจุบันสอดคล้องกับเกณฑ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะเร่งพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ จากเดิมที่ก่อนหน้าคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันในช่วงปลายปี
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลายฝ่ายรวมถึงสมาชิกรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลหลายชาติในสังกัด EU ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า ECB ประเมินภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นต่ำเกินไป และการปรับประมาณการรวมถึงแนวทางรับมือใหม่ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการยอมรับความจริงเพื่อดำเนินการปรับปรุงแก้ไข
ปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อของ EU พุ่งขึ้นมาแตะระดับ 7.5% จากการวัดครั้งล่าสุดในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ ทาง ECB ยังไม่มีมาตรการจัดการที่รัดกุมชัดเจนแต่อย่างใด แต่คาดว่าประเด็นเงินเฟ้อจะเป็นวาระหลักในการประชุมของ ECB ในวันที่ 9 มิถุนายน
เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว คริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ออกมาพูดว่า โครงการซื้อคืนพันธบัตรน่าจะยกเลิกการใช้งานภายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และวางแผนทยอยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยเบื้องต้นคาดว่า ECB จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวในตลาดเป็นหลัก
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และน่าจะปรับขึ้นอยู่ที่ครั้งละ 0.25% ซึ่งหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริงก็จะถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
อ้างอิง: