ยูเครนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เกณฑ์คนปกป้องประเทศ เตรียมพร้อมหากรัสเซียรุกราน

วานนี้ (23 กุมภาพันธ์) ทางการยูเครนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) เป็นต้นไป พร้อมมีคำสั่งเกณฑ์คนที่อยู่ในช่วงวัยที่ยังพอจะต่อสู้ได้ช่วยปกป้องประเทศ เตรียมพร้อมรับมือหากรัสเซียบุกรุกรานยูเครนในอนาคตอันใกล้

ภายใต้สถานการณ์ฉุกฉิน รัฐบาลยูเครนภายใต้การนำของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี สามารถออกกฎระเบียบจำกัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองของบรรดาพรรคการเมือง กลุ่มองค์กร และกลุ่มผู้สนับสนุนใดๆ ที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อผลประโยชน์แห่งชาติและความสงบเรียบร้อยของยูเครนในช่วงเวลานี้

คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทางการรัสเซียปลดธงชาติของตนที่สถานทูตในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนลง พร้อมเริ่มต้นอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากสถานทูตแล้ว โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของบรรดานักการทูตและเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงเวลานี้

วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างมาก หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศรับรองเอกราชให้กับแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครนในฐานะรัฐอิสระ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อปฏิบัติภารกิจ ‘รักษาสันติภาพ’ ปกป้องเหตุนองเลือดที่จะเกิดขึ้นกับชนเชื้อสายรัสเซียในยูเครน

ส่งผลให้เวทีการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและรัสเซียที่ตามกำหนดการเดิมจะจัดขึ้นในวันนี้ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นอันต้องล่มลง หลัง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เพื่อตอบโต้การกระทำของรัสเซีย ซึ่งเวทีนี้ได้รับความคาดหมายว่าจะใช้เป็นพื้นที่ในการหารือเกี่ยวกับการจัดประชุมระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ประชาคมโลกถอยห่างจากสันติภาพออกไปอีกก้าวหนึ่ง

บทความที่เกี่ยวข้อง: