กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน สั่งการให้ทหาร 3,000 นายจากกองพลทหารราบทางอากาศที่ 82 เคลื่อนกำลังไปยังโปแลนด์เพิ่มเติม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังตึงเครียดในยุโรปตะวันออก สืบเนื่องจากรัสเซียอาจตัดสินใจบุกยูเครน
การส่งกำลังทหารไปโปแลนด์เพิ่มเติมมีขึ้นในช่วงที่ทำเนียบขาวเตือนว่ารัสเซียอาจเริ่มบุกยูเครนในช่วงที่การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวยังดำเนินอยู่ นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ยังแนะนำให้พลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในยูเครนรีบเดินทางออกจากประเทศภายใน 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมเผยว่า “ด้วยคำสั่งของประธานาธิบดี (โจ ไบเดน) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม จึงสั่งให้ทหารที่เหลืออยู่ 3,000 นายจากหน่วยรบกองพลทหารราบทางอากาศที่ 82 ในฐานทัพฟอร์ต แบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา เดินทางไปโปแลนด์ ซึ่งทหารเหล่านี้จะออกจากฟอร์ต แบรกก์ในอีก 2-3 วันข้างหน้า และคาดว่าจะเข้าประจำการได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า”
ทหารเหล่านี้จะไปสมทบกับทหาร 1,700 นายจากหน่วยเดียวกันที่เดินทางถึงโปแลนด์ก่อนในสัปดาห์นี้ เพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นหากมีทหารอเมริกันถูกส่งมาโปแลนด์เพิ่มเติม
นอกจากโปแลนด์แล้ว สหรัฐฯ ยังส่งทหาร 300 นายจากหน่วยกองบัญชาการทางอากาศที่ 18 ไปยังเยอรมนี และกำลังส่งทหาร 1,000 นายจากกองร้อยสไตรเกอร์ที่ 2 ในฐานทัพเยอรมนีไปยังโรมาเนีย
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมระบุว่า การส่งทหารไปครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตร NATO, ช่วยยับยั้งการรุกรานที่อาจจะเกิดขึ้นกับปีกฝั่งตะวันออกของ NATO, ฝึกฝนร่วมกับกองกำลังของประเทศปลายทาง และมีส่วนช่วยในภารกิจอื่นๆ ที่หลากหลาย
ทั้งนี้รัสเซียยืนกรานมาตลอดว่าไม่มีแผนบุกยูเครน แต่ก็ยังไม่ถอนทหารนับแสนนายออกจากบริเวณชายแดน โดยให้เหตุผลว่าข้อเรียกร้องของมอสโกยังไม่ได้รับการตอบสนอง โดยรัสเซียไม่ต้องการให้ NATO ขยายตัวไปทางตะวันออกของยุโรป และหยุดสนับสนุนยูเครนทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ ขณะเดียวกันก็คัดค้านยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO เนื่องจากรัสเซียมองยูเครนเป็นรัฐกันชนกับ NATO มาตลอด ซึ่งการที่มีพรมแดนติดกับรัฐสมาชิก NATO ก็อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัสเซีย
ภาพ: Omar Marques / Getty Images
อ้างอิง: