กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยเมื่อวานนี้ (23 มกราคม) ว่า ได้สั่งให้สมาชิกครอบครัวนักการทูตประจำสถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเคียฟ เดินทางออกจากยูเครน ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่รัสเซียอาจส่งกำลังทหารบุกยูเครน
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟยังเปิดทำการต่อไปในเวลานี้ แต่นักการทูตบางคนได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากยูเครนได้
นอกจากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังคงคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเดินทางไปยูเครนที่ระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด โดยอ้างถึงความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจตัดสินใจบุกยูเครน โดยระดับคำเตือนดังกล่าวตั้งไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว สืบเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโควิด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่อยู่ในฐานะที่จะอพยพพลเมืองของสหรัฐฯ กลับประเทศหากรัสเซียบุก โดยปัจจุบันรัสเซียส่งทหารราว 1 แสนนาย ไปประจำการในบริเวณชายแดนติดกับยูเครน
“พลเมืองสหรัฐฯ ควรตระหนักว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียไม่ว่าที่ใดก็ตามจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถของสถานทูตสหรัฐฯ ในการให้บริการด้านกงสุล ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือพลเมืองในการเดินทางออกจากยูเครน” กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุในคำแนะนำด้านการเดินทาง
ทั้งนี้ เครมลินปฏิเสธมาโดยตลอดว่ารัสเซียไม่ได้มีแผนที่จะบุกยูเครน โดยยืนกรานว่ารัสเซียจะไม่คุกคามใคร และการที่ประเทศเคลื่อนย้ายกองกำลังข้ามอาณาเขตของตนไม่ควรเป็นเหตุให้ต้องตื่นตระหนก
อย่างไรก็ดี มอสโกมองว่าการสนับสนุนยูเครนที่เพิ่มขึ้นจากองค์การ NATO ในแง่ของอาวุธ การฝึกทหาร และบุคลากรนั้น ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย ทั้งยังกล่าวหาว่ายูเครนเพิ่มจำนวนกองกำลังของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมที่จะยึดภูมิภาคดอนบาสส์กลับคืน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ยูเครนปฏิเสธ
ภาพ: Igor Golovniov / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: