วันที่ (17 กันยายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง นิราภร อ่อนขาว อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย
คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน นพดล พรหมภาสิต ผู้กล่าวหาได้ทำการตรวจสอบบัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration’ เนื่องจากพบว่าเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวได้มีการปลุกระดมและโพสต์ข้อความให้ผู้คนออกไปประท้วงเดินชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด อีกทั้งยังเห็นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีการชุมนุมโดยสันติวิธีและสงบตามที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด
การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เมื่อประชาชนออกมาร่วมชุมนุมตามที่มีการชักชวนจากเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวก็ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง การโพสต์ข้อความชักชวนดังกล่าวจึงเป็นการก่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินผู้กล่าวหาทราบเหตุดังกล่าว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาจากการสืบสวนทางเทคนิคและการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลพบว่า นิราภร ผู้ต้องหาในคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวข้างต้น และพบว่าบัญชีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม-United Front of Thammasat and Demonstration’ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดการชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจกรรมรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ของกลุ่มแกนนำแนวร่วมกลุ่มอื่นๆ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าดำเนินการกับแกนนำของกลุ่ม อีกทั้งยังพบว่าผู้ดูแลระบบ (Admin) หรือผู้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวยังมีพฤติการณ์ยุยงปลุกปั้นผ่านทางสื่อออนไลน์ให้แนวร่วมของกลุ่มเกิดความกระด้างกระเดื่องต่ออำนาจรัฐและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นแล้ว แกนนำของกลุ่มดังกล่าวก็ไม่ได้พยายามที่จะเข้าไประงับยับยั้งเหตุ แต่กลับนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปโจมตีและกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมเกินกว่าเหตุ
พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 ปอท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีอนุมัติหมายค้น และรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นิราภร ผู้ต้องหาในคดีนี้
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย
ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหามาโดยตลอดจะครบกำหนดควบคุมตัว 48 ชั่วโมง แต่สอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากจะต้องสอบพยานจำนวน 10 ปาก, รอผลการตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17-28 กันยายน 2564
ท้ายคำร้องยังระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับเป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1(3)
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว นิราภร โดยไม่กำหนดเงื่อนไข วางหลักประกันจำนวน 25,000 บาท