โน้ต-นันทไกร ฉ่ำใจหาญ และเก๋-กาญจนา ฉ่ำใจหาญ
“ถ้าเราเครียดกับสิ่งที่ทำ นั่นคือเราไม่สนุกกับมันอีกต่อไป อยากจะบาลานซ์ชีวิต หน้าที่การงาน และความชอบให้ไปด้วยกันได้” โน้ต-นันทไกร ฉ่ำใจหาญ อดีตมือกีตาร์วง Potato กล่าวสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม
MMMBakehouse เป็นคาเฟ่ฝั่งธนเล็กๆ โดดเด่นในเรื่องของโดนัทยีสต์ที่ทางร้านทำเอง ตั้งอยู่ในอาณาจักร Buddy Boys’ ร้านไดเนอร์สสไตล์อเมริกันที่หลายคนน่าจะรู้จักดี MMMBakehouse เกิดจากความชอบในการทำขนมของ เก๋-กาญจนา ฉ่ำใจหาญ คุณแม่ของบ้าน Buddy Boys’ ที่ลงมือทำเองตั้งแต่คัดวัตถุดิบที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแป้ง ช็อกโกแลต นม หรือแม้กระทั่งฝักวานิลลา เพราะการใช้วัตถุดิบที่ดีมาตั้งแต่ต้นทำให้ได้รสชาติที่อร่อยด้วยตัวเองโดยไม่ต้องปรุงแต่งเลย เมื่อมีออร์เดอร์โดนัทเข้ามา เก๋ก็จะทำการนวดแป้ง ทอดโดนัท แต่งหน้าโดนัท และแปะสติกเกอร์น่ารักๆ ลงบนกล่องด้วยตัวเองทั้งหมด และทำวันต่อวันเท่านั้น เพื่อให้คุณได้ลิ้มรสชาติของโดนัทร้อนๆ ที่เพิ่งทอดใหม่ๆ
การนวดแป้งอย่างพิถีพิถัน
การทำโดนัทของร้าน MMMBakehouse
บรรยากาศสบายๆ ของร้านนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้านขายขนมย่านไดคังยามะในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ไดคังยามะเป็นย่านศิลปะที่เต็มไปด้วยแกลเลอรี ดีไซน์สตูดิโอ ร้านขายของแต่งบ้าน ร้านกาแฟ และร้านเบเกอรีที่ทำขนมออกมาขายวันละไม่มาก เมื่อขายหมดก็เก็บร้านและไปใช้ชีวิตกันต่อ ตรงกับความตั้งใจของโน้ตที่อยากบาลานซ์ชีวิต งาน และความชอบให้ไปด้วยกันได้
บรรยากาศร้าน MMMBakehouse
บรรยากาศร้าน MMMBakehouse
บรรยากาศร้าน MMMBakehouse
The Vibe
อาณาจักร Buddy Boys’ เป็นบ้านสีน้ำตาลหลังใหญ่ที่ให้ความรู้สึกว่าข้างในจะต้องมีอะไรน่าสนใจ ดึงดูดสายตาคนที่ขับรถผ่านไปมาบนถนนพรานนก-กาญจนาภิเษกอยู่ไม่น้อย เมื่อจอดรถและเดินผ่านรั้วต้นไม้เข้ามาจะพบกับป้ายที่ทำจากสเกตบอร์ดสีสันสดใสเขียนชื่อร้าน MMMBakehouse เอาไว้ ข้างในร้านจะพบกับบรรยากาศความอบอุ่นของครอบครัว Buddy Boys’ ทั้งเก๋ที่กำลังนวดแป้งโดนัทอย่างพิถีพิถัน และโน้ตที่คอยช่วยเหลือตกแต่งหน้าโดนัท รวมไปถึงมีนและมาร์ช ลูกชายฝาแฝดของทั้งสองที่แวะมาหยิบโดนัทขึ้นมาชิมเป็นครั้งคราว
ตัวร้านเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่ทางร้านยกมาจากร้านเก่าที่ราชพฤกษ์ นำมาตกแต่งภายในด้วยของสไตล์แคมปิ้ง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะพับ เก้าอี้พับ ถังน้ำดื่ม แม้แต่เตาในร้านยังเป็นเตาสำหรับแคมปิ้งที่ดูแปลกตา และเสริมความสบายตาด้วยต้นไม้หลากชนิด ทางร้านนิยามสไตล์ของตัวเองไว้ว่า ‘Go Out Living’ เพราะเป็นคำที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ง่ายๆ และสื่อถึงไลฟ์สไตล์ชาวแคมปิ้งได้ดี เพราะเมื่อมีการแคมปิ้งก็ต้องมีการชงกาแฟและทำอาหารเกิดขึ้น เป็นเหมือนการออกไปข้างนอกเพื่อใช้ชีวิตและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการแคมปิ้ง คุณจะตกหลุมรักบรรยากาศใน MMMBakehouse มากทีเดียว เพราะไอเท็มเด็ดจากแบรนด์แคมปิ้งดังๆ มารวมอยู่ที่นี่ให้คุณได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เตา เก้าอี้ เครื่องครัวจาก Snow Peak แบรนด์แคมปิ้งที่ให้ทำเรื่องยากๆ ในการแคมปิ้งกลายเป็นเรื่องสะดวกสบาย หรือจะเป็นเครื่องครัวจาก Stanley อีกหนึ่งแบรนด์แคมปิ้งยอดนิยม
จานและแก้ว Fire-King ที่ใช้เสิร์ฟขนมและกาแฟ
แก้ว Fire-King ที่สะสมไว้
แต่ที่สำคัญที่สุด คุณจะได้ลองดื่มกาแฟจากแก้ว Fire-King ของสะสมของโน้ตที่ใช้เวลาสะสมมานานหลายปี แก้ว Fire-King เป็นแก้วทนความร้อนสูงที่ผลิตในอเมริกา และได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี 1940 รุ่นยอดนิยมที่เห็นได้บ่อยๆ จะเป็นแก้วสีเขียวรุ่น Jade-ite และสีขาวขุ่นรุ่น Milk Glass ซึ่งเป็นของที่เหล่านักสะสมของวินเทจตามหา เพราะดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และไร้กาลเวลา ทำให้แก้ว Fire-King ไปโผล่ในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ มากมาย เพราะฉะนั้นการที่ใครสักคนจะก้าวเท้าเข้ามาในอาณาจักร Buddy Boys’ นั้นก็สามารถเดาได้เลยว่าจะต้องมีความชอบในอย่างใดอย่างหนึ่งของร้าน อาจจะเป็นโดนัท ต้นไม้ แคมปิ้ง ของวินเทจ แก้ว กาแฟ และคุณอาจจะได้ความชอบใหม่ๆ กลับไปอีกด้วย
เมนูโดนัทของร้าน MMMBakehouse
โดนัทของร้าน MMMBakehouse
Peanut Butter (85 บาท)
The Dishes
โดนัทของทางร้านนั้นมี 9 หน้า และทั้ง 9 หน้าล้วนเป็นหน้าซิกเนเจอร์ของทางร้าน แต่คุณจะตกหลุมรักหน้าไหนก็ต้องมาหาคำตอบด้วยตัวเอง เริ่มที่หน้าเบสิกอย่าง ‘Glazed Vanilla Bean’ (79 บาท) ที่ทางร้านเลือกใช้ฝักวานิลลาจากมาดากัสการ์ที่ราคาสูงมาก แทนที่จะใช้กลิ่นธรรมดาทั่วไป เพราะอยากให้ได้กลิ่นรสของวานิลลาดีๆ เต็มๆ ส่วนโดนัทหน้าช็อกโกแลตนั้นมีให้เลือกถึง 3 แบบด้วยกัน ทั้ง ‘Chocolate’ (79 บาท) ‘Vanhouten Crumble’ (85 บาท) และ ‘Milk Choco Crispearls’ (85 บาท) ทางร้านเลือกใช้ช็อกโกแลตอย่างดีจากเบลเยียมมาทำหน้าช็อกโกแลตหนา เข้มข้น แบบไม่ผสมน้ำตาลไอซิ่งเลย เพื่อให้แฟนๆ ช็อกโกแลตได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริง
การทอดโดนัท
การทำหน้าโดนัท
การทำหน้าโดนัท
สำหรับคนรักชาก็มีทั้งหน้าชาเขียวอย่าง ‘Kyoto Matcha’ (79 บาท) ที่ใช้ผงชาเขียวจากญี่ปุ่น ให้รสชาติขมปลายลิ้น แต่กลิ่นหอมชวนให้นึกถึงยามนั่งจิบชามองสายน้ำที่เกียวโต และหน้าชาไทย ‘Thai Tea’ (79 บาท) รสชาติเข้มข้น อีกสองหน้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากอย่าง ‘Peanut Butter’ (85 บาท) และ ‘Salt Caramel’ (85 บาท) และหน้าสุดท้าย ‘Cappuccino’ (85 บาท) ที่นำเมล็ดกาแฟมาสกัดผสมกับช็อกโกแลตนมเพื่อให้ได้ออกมาเป็นหน้ากาแฟหนาๆ หอมๆ โรยด้วยอบเชย เพิ่มกลิ่นหอมให้เหมือนนั่งจิบคาปูชิโนอยู่จริงๆ และนอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูคุกกี้และชีสเค้กอีกด้วย
กาแฟของร้าน MMMBakehouse
กาแฟของร้าน MMMBakehouse
มิลก์เชกและเครื่องปั่นมิลก์เชกวินเทจ
ในส่วนของกาแฟ ทางร้านก็มีกาแฟ Specialty ให้เลือกทั้งแบบชงจากเครื่องเอสเปรสโซ แมนวลเอสเปรสโซ และแบบดริป อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าคุณจะได้ลองดื่มกาแฟจากแก้ว Fire-King นั่นเป็นเพราะกาแฟร้อนทุกแก้ว ทางร้านจะเสิร์ฟมาในแก้ว Fire-King ส่วนกาแฟเย็นนั้นจะมาในแก้วแบรนด์แคมปิ้งน่ารักๆ ที่สลับกันออกมาทำหน้าที่แก้วกาแฟให้คุณ และสำหรับใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ทางร้านก็มีมิลก์เชกที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปยุคที่ไดเนอร์สเฟื่องฟูด้วยการเสิร์ฟในแก้วทรงสูง และเครื่องตีมิลก์เชกวินเทจที่เป็นอีกหนึ่งของสะสมของโน้ต
สำหรับใครที่อยากลิ้มลองโดนัทของ MMMBakehouse อาจจะต้องติดตามข่าวสารจากทางร้านเล็กน้อย เพราะทางร้านจะเปิดรับออร์เดอร์ล่วงหน้า เนื่องจากโดนัทจะต้องทำวันต่อวันเพื่อความสดใหม่ สามารถติดตามการเปิดรับออร์เดอร์ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/kanjana.chamjaiharn หรือ Instagram: https://www.instagram.com/mamiemeenmarch/ ส่วนกาแฟนั้นเปิดบริการตามเวลาปกติ ขอแนะนำว่าให้สั่งโดนัทเอาไว้ และเมื่อถึงเวลารับโดนัทก็แวะเข้าไปซื้อกาแฟมากินคู่กับโดนัท จะยกระดับความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก
MMMBakehouse (Buddy Boys’)
Open: 14.00-22.00 น.
Address: ถนนพรานนก-กาญจนาภิเษก บางพรม ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ
Budget: 80-300 บาท
Contact: 08 9926 4220
Website: https://www.facebook.com/kanjana.chamjaiharn
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์