– ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมออกมาตรการเยียวยาแจกเงินจำนวน 100,000 เยน หรือราวๆ 30,000 บาท แก่ประชาชนทุกคน โดยให้อำนาจผู้ว่าทั้ง 7 ภูมิภาค สามารถสั่งปิดโรงเรียนและงดกิจกรรมบางประเภทได้
– รายงานของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำต่อเนื่องไปจนถึงปี 2022 เพื่อลดความเสี่ยงที่โควิด-19 จะกลับมาระบาดหนักอีกระลอก
– คณะกรรมการ FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า กลไกและสภาพคล่องตลาดการเงินสหรัฐฯ มีทิศทางดีขึ้น แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจยังรุนแรง โดย จอห์น วิลเลียม ประธาน Fed สาขานิวยอร์ก ได้ออกมาแสดงความเห็นในงานสโมสรเศรษฐกิจว่า มาตรการเสริมสภาพคล่องของ Fed ที่ผ่านมามีความเหมาะสมทั้งปริมาณและช่วงเวลา ซึ่งมีผลต่อการรักษาเสถียรภาพและการฟื้นตัวของตลาดการเงินและสภาพคล่อง
– สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์จำนวน 5.245 ล้านคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จากระดับ 5 ล้านคน แต่ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 6.615 ล้านคน ส่งผลให้ 3 สัปดาห์มีผู้ว่างงานแล้วกว่า 22 ล้านคน สืบเนื่องจากการปิดกิจการของธุรกิจต่างๆ ตามมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
– โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแผนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มกำลังติดตามผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมการจ้างงานจากภาครัฐด้วย สอดคล้องกับแถลงการณ์จากทำเนียบขาวในเวลาต่อมาที่ระบุว่า การพิจารณายกเลิกการล็อกดาวน์นั้นเป็นอำนาจของผู้ว่าการรัฐฯ ที่จะเริ่มใช้ตามความเหมาะสม
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
– ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากความคาดหวังที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศให้กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในเร็วๆ นี้ และแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสุขภาพ เช่น หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ พุ่งขึ้น 5.9% และหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 4.3% เป็นต้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มชะลอตัว และความคาดหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นฟูเร็วๆ นี้ หลังการแพร่ระบาดสิ้นสุด
– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี จากความกังวลที่ปริมาณน้ำมันจะล้นตลาด ซึ่งสาเหตุมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ด้านราคาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลดอลลาร์สหรัฐ และแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวขึ้นมาแรง
สหรัฐฯ
– Dow 30 อยู่ที่ 23537.68 เพิ่มขึ้น 33.33 (0.14%)
– S&P 500 อยู่ที่ 2799.55 เพิ่มขึ้น 16.19 (0.58%)
– Nasdaq อยู่ที่ 8532.36 เพิ่มขึ้น 139.19 (1.66%)
ยุโรป
– DAX อยู่ที่ 10301.54 เพิ่มขึ้น 21.78 (0.21%)
– FTSE 100 อยู่ที่ 5628.43 เพิ่มขึ้น 30.78 (0.55%)
– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2812.35 เพิ่มขึ้น 4.15 (0.15%)
– FTSE MIB อยู่ที่ 16768.14 เพิ่มขึ้น 49.07 (0.29%)
เอเชีย
– Nikkei 225 อยู่ที่ 19290.2 ลดลง -259.89 (-1.33%)
– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5416.3 ลดลง -50.4 (-0.92%)
– Shanghai อยู่ที่ 2819.94 เพิ่มขึ้น 8.77 (0.31%)
– SZSE Component อยู่ที่ 10470.79 เพิ่มขึ้น 53.42 (0.51%)
– China A50 อยู่ที่ 12946.06 ลดลง -4.3 (-0.03%)
– Hang Seng อยู่ที่ 24006.45 ลดลง -138.89 (-0.58%)
– Taiwan Weighted อยู่ที่ 10375.48 ลดลง -71.73 (-0.69%)
– SET อยู่ที่ 1200.15 ลดลง -35.95 (-2.91%)
– KOSPI อยู่ที่ 1857.07 ลดลง -0.01 (0%)
– IDX Composite อยู่ที่ 4480.61 ลดลง -145.3 (-3.14%)
– BSE Sensex อยู่ที่ 30602.61 เพิ่มขึ้น 222.8 (0.73%)
– PSEi Composite อยู่ที่ 5525.6 ลดลง -420.45 (-7.07%)
Commodity
– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 19.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.36 (-1.77%)
– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 28.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.55 (1.97%)
– ราคาทองคำอยู่ที่ 1715.76 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -9.95 (-0.58%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters