ข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างกลุ่ม OPEC และประเทศหุ้นส่วนนอกกลุ่ม หรือ OPEC+ พบกับอุปสรรค หลังมีรายงานว่าเม็กซิโกวอล์กเอาต์และปฏิเสธร่วมลดการผลิต หลังเจรจามาราธอนนานกว่า 9 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (9 เมษายน)
ก่อนหน้านี้มีกระแสวิตกกังวลว่าความขัดแย้งจากสงครามราคาน้ำมันระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นสองประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ทว่า Bloomberg รายงานว่าชาติสมาชิกส่วนใหญ่ของ OPEC+ นำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซียต่างเห็นพ้องที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อพยุงราคาน้ำมันและแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด ในขณะที่วิกฤตการระบาดของโควิด-19 ฉุดดีมานด์การใช้น้ำมันทั่วโลกอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม เม็กซิโกได้แสดงจุดยืนคัดค้านการแบ่งสรรปันส่วนการลดปริมาณน้ำมันที่ผลิต ส่งผลให้การประชุมยุติลงโดยไม่มีข้อสรุป ทำให้การเจรจายืดเยื้อและต้องดำเนินต่อในวันนี้ (10 เมษายน)
ก่อนหน้านี้ Reuters รายงานว่าข้อตกลงเบื้องต้นที่ชาติ OPEC+ ส่วนใหญ่เห็นพ้องคือการลดการผลิตน้ำมันลง 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน จากนั้นให้ลดเหลือ 8 ล้านบาร์เรลในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงสิ้นปี และในเดือนมกราคม ปี 2021 จะผลิตลดลง 6 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงวันที่ 22 เมษายน
ข้อตกลงนี้ไม่มีผลบังคับต่อประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ เพียงแต่มีการเรียกร้องให้ผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ ลดการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมวันละ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ถึงแม้มีความเป็นไปได้ที่ OPEC+ จะลดการผลิตน้ำมันมากกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็ยังปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าปริมาณน้ำมันที่ลดลงยังไม่เพียงพอต่อการรับมือกับดีมานด์ที่ชะลอตัวอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับลดลง 9.29% สู่ระดับ 22.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 4.14% สู่ระดับ 31.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: