จากการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของ LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีชั้นนำ ซึ่งได้วิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคจากฐานผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคนและร้านอาหารกว่า 7 แสนร้านทั่วประเทศ ทำให้เห็นภาพรวมเทรนด์การกินของคนไทยในปี 2025 ที่มีความน่าสนใจและเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคม โดยพบว่ารสนิยมหลักของคนไทยยังคงยึดติดกับรสชาติที่จัดจ้าน แต่ก็พร้อมเปิดรับความแปลกใหม่ที่เข้ามาผสมผสาน
ความโดดเด่นที่สุดในปีนี้คือเมนูยอดนิยมตลอดกาลอย่าง ‘ส้มตำปูปลาร้า’ ที่สามารถครองแชมป์ยอดสั่งสูงสุดด้วยจำนวนกว่า 8 ล้านจานทั่วประเทศ เอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่างไก่ทอดไปได้อย่างเด็ดขาด สิ่งนี้ยืนยันได้ว่ารสชาติความแซ่บยังคงเป็น ‘DNA’ ที่ฝังลึกอยู่ในวิถีชีวิตของคนไทย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ความต้องการอาหารรสจัดจ้านก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการเลือกบริโภค
สอดคล้องกับข้อมูลการค้นหาบนแพลตฟอร์มที่พบว่าคำค้นหาในหมวดหมู่ส้มตำ ยำ และหม่าล่า มียอดรวมพุ่งสูงถึง 16 ล้านครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการลิ้มรสความเผ็ดร้อนที่ยังคงครองใจผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เมนูอาหารจานเดียวอื่นๆ เช่น ข้าวผัด, ข้าวมันไก่ และกะเพราหมูกรอบ ก็ยังคงติดอันดับเมนูยอดนิยมที่คนไทยสั่งกินเป็นประจำในชีวิตประจำวันเพื่อความอิ่มท้อง
ในฝั่งของเครื่องดื่มเกิดความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตามอง เมื่อ ‘มัตจะ’ กลายเป็นเครื่องดื่มที่มาแรงที่สุดแห่งปีด้วยยอดสั่งที่เติบโตทะลุ 6.5 ล้านแก้ว คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 300% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ทำให้มัตจะถูกยกสถานะให้เป็นเครื่องดื่มแบบ ‘Affordable Luxury’ หรือความหรูหราที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในราคาที่สมเหตุสมผล
กระแสความนิยมของมัตจะยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาพรวมของตลาดเครื่องดื่ม ทำให้เมนู ‘ชาเขียวนมเย็น’ ก้าวขึ้นมาครองแชมป์ยอดสั่งสูงสุดแซงหน้ากาแฟดำ สาเหตุสำคัญมาจากราคาของชาเขียวนมที่ย่อมเยากว่ามัตจะเกรดพรีเมียม แต่ยังให้สีสันและรสชาติที่ใกล้เคียงกัน จึงกลายเป็นตัวเลือกทดแทนที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้างที่ต้องการความสดชื่นในราคาประหยัด
ขณะเดียวกัน ตลาดชาไทยก็มีการยกระดับไปสู่ความเป็นพรีเมียมและ Specialty มากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เทียบเท่ากับกาแฟ Specialty การเน้นคัดสรรแหล่งปลูกและการนำเสนอกลิ่นรสที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจชาไทยคุณภาพสูงมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่สำหรับร้านเครื่องดื่มที่ต้องการสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
นอกจากเครื่องดื่มแล้ว ยังมีเมนูม้ามืดที่เติบโตอย่างน่าสนใจ ได้แก่ ชิโอะปังหรือขนมปังเกลือ ที่มีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,000 ร้าน ด้วยจุดเด่นของรสชาติที่เข้าใจง่ายและความหอมเนย รวมถึงไก่จ๊อที่กลายเป็นเมนูยอดนิยมจากความสะดวกในการรับประทาน จะกินเล่นหรือกินกับข้าวก็เข้ากันได้ดี ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว
เมื่อมองในมุมของเศรษฐกิจและปากท้อง เมนูข้าวแกงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็น ‘Fast Food’ แบบไทยที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยยอดสั่งรวมทั้งปีทะลุ 65 ล้านจาน เติบโตขึ้น 8% จากปีก่อน ปัจจุบันร้านข้าวแกงมีสัดส่วนมากกว่า 10% ของร้านอาหารทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายย่อยได้ปรับตัวเข้าสู่ระบบเดลิเวอรีมากขึ้นเพื่อความอยู่รอด
ความสำเร็จของร้านข้าวแกงมาจากปัจจัยเรื่องความสะดวกรวดเร็วและราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้คนไทยสามารถบริโภคได้ทุกมื้อโดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายมากนัก โดยเมนูที่ขายดีที่สุดคือหมูทอดและหมูก้อนทอด ตามมาด้วยแกงพื้นฐานอย่างไข่พะโล้และแกงเขียวหวาน ซึ่งเป็นเมนูที่คุ้นเคยและให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานอาหารรสมือแม่ที่บ้าน
อีกหนึ่งกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจคือการเติบโตของไอศกรีมซันเดย์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงจากการทำราคาที่เข้าถึงง่ายของร้านแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ กลยุทธ์ด้านราคานี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการดึงดูดลูกค้าในยุคที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่ยังคงต้องการความสุขเล็กๆ น้อยๆ จากของหวานในชีวิตประจำวันเพื่อเติมเต็มความสดชื่น
ภาพรวมของเทรนด์อาหารในปี 2025 จึงเป็นการผสมผสานระหว่างความต้องการพื้นฐานด้านรสชาติที่จัดจ้าน และการแสวงหาความแปลกใหม่ในราคาที่จับต้องได้ ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับคุณภาพวัตถุดิบ หรือการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อให้สามารถนำเสนอเมนูที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค


