วันนี้ (17 ธันวาคม) สืบเนื่องจากการสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคล หรือคณะบุคคล ที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ หรือ ‘คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน’ ซึ่งใช้เวลากว่า 9 เดือน นับแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนของ DSI ได้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปหลายร้อยคน จัดทำเหตุการณ์จำลองในสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุ มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่า มีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน จาก 45 จังหวัด
พนักงานสอบสวนยังได้ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ และจากข้อมูลการสืบสวนพบว่า ยังมีผู้ช่วย สว. และ สว. ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด เป็นเหตุให้คณะพนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกพยานแก่อดีตผู้สมัคร สว. จำนวน 1,200 ราย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และเนื่องด้วยคดีมีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก อธิบดีฯ จึงได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการสอบสวนปากคำพยานทั้ง 1,200 คนให้แล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาพบว่าบางรายจังหวัด อาทิ จังหวัดบุรีรัมย์ พยานกลับไม่ให้ความร่วมมือเข้าพบพนักงานสอบสวน และยังมีข้อครหาจากพยานในจังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดขอนแก่น ที่ทำหนังสือร้องเรียนมายังอธิบดีฯ ว่าในการให้ถ้อยคำต่างๆ กับพนักงานสอบสวน พยานอ้างว่าถูกข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพ จนอธิบดีฯ ได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าถ้อยคำให้การของพยานถือเป็นการให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวนหรือไม่ เพราะมีการกลับคำให้การไปคนละทาง
กระทั่งล่าสุดในการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบเส้นทางการเงินของบุคคล รวมจำนวน 8 ราย ประกอบด้วย สว. 2 ราย และ เครือข่ายพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง 6 ราย ที่มีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 ฐานกระทำความผิดอั้งยี่ฯ และได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
ล่าสุดวันนี้ (17 ธันวาคม) มีรายงานจาก DSI ว่า หลังการประชุมหารือกันระหว่างคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI และพนักงานอัยการ พบว่า มีการรับโอนเงินระหว่างกันแบบผิดปกติ ถี่และบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันในเชิงต่างตอบแทน เมื่อบุคคลนั้นได้รับเลือกเป็น สว. ระดับประเทศ จึงพบว่า มีผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีหลักฐานยืนยันชัดเจนในพฤติการณ์ รวมจำนวนเบื้องต้น 8 ราย
โดยทั้งหมดได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ส่วนใหญ่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการฮั้ว สว. จึงทำให้เมื่อคณะพนักงานสอบสวน ทั้ง DSI และพนักงานอัยการ ได้ร่วมกันตรวจทานคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว แต่ก็พบว่าในรายละเอียดการชี้แจงไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาและพยานหลักฐานการอั้งยี่และฟอกเงินได้ จึงมีมติเห็นพ้องกัน ให้สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาล็อตแรก จำนวน 8 ราย ไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของอัยการต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาล็อตแรก จำนวน 8 ราย ที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ DSI และพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้มีมติส่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ประกอบด้วย สว. ชุดปัจจุบัน 2 คน และอีก 6 คน เป็นเครือข่ายของพรรคการเมืองใหญ่ มีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น อดีตผู้สมัคร สส. และอื่นๆ


