จากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อบ้านเรือน ถนนหนทาง และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเมือง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 560,000 หลังคาเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น บ้านพรุ หาดใหญ่ใน และแม้แต่ใจกลางเมืองหาดใหญ่ ปริมาณน้ำท่วมสูงส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันต้องหยุดชะงัก ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า และระบบระบายน้ำ ถูกน้ำท่วมขังเสียหาย ทำให้ความเสียหายด้านทรัพย์สินและผลกระทบทางเศรษฐกิจรวมมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
ผลกระทบดังกล่าวยังส่งผลโดยตรงต่อ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหาดใหญ่ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ในช่วงครึ่งแรกของปี
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่มีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 128 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 41,560 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 116 โครงการ รวม 6,735 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 29,807 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 12 โครงการ รวม 4,369 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 11,753 ล้านบาท
จากเหตุการณ์น้ำท่วมพบว่า บ้านจัดสรรและโครงการคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบ้านชั้นเดียว เช่น บ้านเดี่ยว 1 ชั้น บ้านแฝด 1 ชั้น และทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว น้ำท่วมทำให้โครงสร้างภายในบ้านเสียหาย เฟอร์นิเจอร์และวัสดุก่อสร้างได้รับความเสียหาย รวมถึงการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าและท่อประปาภายในบ้านต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง
สำหรับ คอนโดมิเนียมหลายโครงการ โดยเฉพาะชั้นล่างหรือชั้น 1 ของอาคาร ต้องเผชิญกับน้ำท่วมขังห้องพัก พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่จอดรถ ซึ่งส่งผลให้โครงการไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อและนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่ นอกจากนี้ เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็น ความเสี่ยงเชิงทำเลและภูมิศาสตร์ ของเมืองหาดใหญ่ โดยพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตตัวเมืองและรอบชานเมืองมีโอกาสประสบปัญหาน้ำท่วมสูง การวางแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจำเป็นต้องพิจารณาการออกแบบโครงสร้างที่สามารถรับมือกับน้ำท่วม เช่น การยกพื้นชั้นล่าง การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการใช้วัสดุก่อสร้างที่ทนต่อน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายซ้ำซ้อน
เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นความเสี่ยงเชิงทำเลและภูมิศาสตร์ของเมืองหาดใหญ่ พื้นที่ลุ่มต่ำในเขตตัวเมืองและรอบชานเมืองมีโอกาสประสบปัญหาน้ำท่วมสูง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงนี้อย่างรอบด้าน ทั้งในด้านการออกแบบโครงสร้าง การเลือกทำเล และการจัดการน้ำ
สำหรับ โครงการบ้านจัดสรรและทาวน์เฮ้าส์ ควรพิจารณายกพื้นชั้นล่างสูงขึ้น เพื่อป้องกันน้ำท่วมเข้าภายในบ้าน ส่วน คอนโดมิเนียม การออกแบบชั้นล่างให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์หรือใช้วัสดุก่อสร้างทนต่อน้ำ รวมถึงระบบไฟฟ้าที่ยกเหนือระดับน้ำสูงสุดจะช่วยลดความเสียหาย นอกจากนี้ การปรับปรุงระบบระบายน้ำทั้งภายในโครงการและรอบเมือง เช่น คลองเล็ก บ่อพักน้ำ และท่อระบายน้ำหลัก ให้สามารถรองรับปริมาณน้ำสูงสุดตามปริมาณฝนสะสมและน้ำหลาก เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกันน้ำท่วมซ้ำ
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็น บทเรียนสำคัญ ต่อทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และผู้บริหารเมือง การพัฒนาโครงการในอนาคตควรสอดคล้องกับการวางแผนรับมืออุทกภัย การออกแบบอาคารที่ทนต่อภัยธรรมชาติ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบายน้ำอย่างเป็นระบบ รวมถึงการส่งเสริมการประกันภัยน้ำท่วม เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความน่าเชื่อถือ และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์ฉุกเฉิน

อสังหาฯ หาดใหญ่ มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ถูกสะเทือน
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2568 ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการขายในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ มีทั้งสิ้น 128 โครงการด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 41,560 ล้านบาท จำแนกเป็นบ้านจัดสรร 116 โครงการ 6,735 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวม 29,807 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 12 โครงการ 4,369 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 11,753 ล้านบาท จากการสำรวจพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยในหาดใหญ่ส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ควบคู่กับผู้พัฒนารายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากกรุงเทพมหานคร ซึ่งยังคงให้ความสนใจและมองเห็นศักยภาพของหาดใหญ่ในฐานะเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนบน ความสนใจนี้สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการลงทุนที่ยังคงเปิดกว้าง และเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความมั่นคงของตลาดที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลาง เช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ที่เตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของตลาดและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในระยะกลางถึงยาว ทำให้หาดใหญ่ยังคงเป็นหนึ่งในทำเลที่นักลงทุนและผู้พัฒนารายใหญ่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง

ณ ครึ่งแรกของปี 2568 ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า บ้านจัดสรรในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่มีทั้งหมด 116 โครงการ 6,735 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวม 29,807 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวมากที่สุด 2,949 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 43.7 ของตลาดบ้านจัดสรรทั้งหมดในพื้นที่ ตามมาด้วย ทาวน์เฮ้าส์ทั้งหมด 1,644 ยูนิต และบ้านแฝดทั้งหมด 1,411 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วนี้อยละ 24.4 และ 20.9 ตามลำดับ โดยพบว่า จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 6,735 ยูนิต มียอดการขายแล้ว 4,760 ยูนิตหรือคิดเป็นอัตราส่วนร้อยลละ 70.7 มีอุปทานรอการขายเพียงแค่ 1,975 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 29.3 เท่านั้น และจากอัตราการขายทั้งหมดพบว่า อาคารพาณิชย์ มีอัตราการขายสูงที่สุด ตามมาด้วย ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยวตามลำดับ
โดยภาพรวม ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ตลาดบ้านจัดสรรในอำเภอหาดใหญ่ยังคงมีความน่าสนใจทั้งในด้านการลงทุนและความต้องการของผู้บริโภค นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อวางกลยุทธ์การตลาด การตั้งราคา และการวางแผนโครงการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่วมใหญ่ภาคใต้ บทเรียนสำคัญสำหรับทุกภาคส่วน
ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย มองว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้จะกลายเป็น บทเรียนสำคัญ สำหรับทุกภาคส่วน ทั้งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุน และผู้บริหารเมือง การวางแผนโครงการในอนาคตจำเป็นต้องพิจารณา ความเสี่ยงเชิงภูมิศาสตร์และการออกแบบโครงสร้าง เช่น การยกพื้นชั้นล่าง การใช้วัสดุก่อสร้างทนต่อน้ำ การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการจัดการพื้นที่ส่วนกลางให้สามารถรับมือกับน้ำท่วม
สำหรับโครงการบ้านจัดสรรและทาวน์เฮ้าส์ การยกพื้นสูงขึ้นและการติดตั้งระบบป้องกันน้ำท่วมภายในบ้านจะช่วยลดความเสียหายได้ ส่วนคอนโดมิเนียม การออกแบบชั้นล่างเป็นพื้นที่อเนกประสงค์หรือใช้วัสดุทนต่อน้ำ พร้อมระบบไฟฟ้าที่ยกเหนือระดับน้ำสูงสุด จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อและนักลงทุน
พื้นที่ลุ่มต่ำในเขตตัวเมืองและรอบชานเมือง เช่น บ้านพรุและหาดใหญ่ใน มีความเสี่ยงน้ำท่วมสูง ดังนั้น การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เหล่านี้ควรระมัดระวังและใช้แนวทางป้องกันน้ำท่วมอย่างรอบด้าน ส่วนพื้นที่สูงหรือเนินเขาเหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม แต่ควรพิจารณาการเข้าถึงและระบบสาธารณูปโภคอย่างรอบคอบ
แม้ว่าน้ำท่วมจะสร้างความเสียหาย แต่โอกาสสำหรับผู้พัฒนายังเปิดกว้าง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหาดใหญ่ยังคงมีความต้องการสูง และผู้ที่สามารถวางแผนโครงการอย่างรอบด้าน พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ จะสามารถสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้ตลาดได้อย่างยั่งยืน
สุดท้ายความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริหารในพื้นที่และประชาชน จะเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้หาดใหญ่สามารถ รับมือกับน้ำท่วมได้อย่างยั่งยืน ลดความเสียหาย และคงความมั่นคงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว


