×

DSI ลุยสืบเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ พบ ‘ก๊ก อาน’ สว. กัมพูชา และลูก 3 คน พัวพันธุรกิจในไทย อาจเข้าข่ายนอมินี

โดย THE STANDARD TEAM
17.11.2025
  • LOADING...
DSI ลุยสืบเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ พบ ก๊ก อาน สว. กัมพูชา และลูก 3 คน พัวพันธุรกิจในไทย อาจเข้าข่ายนอมินี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยคณะพนักงานสืบสวน กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้รายงานความคืบหน้าการสืบสวนเครือข่ายของ เฉิน จื้อ (CHEN ZHI) หรือ วินเซนต์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นเรื่องสืบสวนที่ 134/2568 โดยได้ขยายผลไปยังกลุ่มชาวต่างชาติ 43 คน ที่ทางการสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงออนไลน์

 

เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงถึงบุคคลและนิติบุคคล การประกอบกิจการในประเทศไทย โดยมีการประสานขอข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หากมีความชัดเจนว่านิติบุคคลใดเป็นเครือข่ายทุนนอกหรือเป็นนอมินี ก็จะขยายผลเป็นคดีพิเศษในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างชาติ พ.ศ. 2542

 

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันนี้ (17 พฤศจิกายน) รายงานภายใน DSI ระบุว่า จากการตรวจสอบทั้ง 43 รายชื่อ พบข้อมูลความเชื่อมโยงที่ชัดเจนที่สุด คือ ก๊ก อาน (KOK AN) สัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของกัมพูชา โดยกรมการปกครองของไทย ได้ตรวจสอบข้อมูลลับร่วมกับ ปปง. และหน่วยงานทางการข่าว พบว่า

 

ก๊ก อาน มีการประกอบธุรกิจหลายประเภทในไทย ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่ม กาสิโน, ค้ามนุษย์, การฟอกเงิน และสแกมเมอร์ อันถือเป็นความผิดตามกฎหมายไทย และ ก๊ก อาน ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ทั้งยังมีบุตร 3 คน ได้แก่ จุรี คล่องกิจกล, ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยุไล่), และกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล

 

ซึ่งบุตรทั้งสามคนเคยได้สัญชาติไทย แต่ปัจจุบัน ถูกกรมการปกครองเพิกถอนสัญชาติไทย เนื่องจากพบว่ามีการแจ้งการเกิดโดยทุจริตที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยแอบอ้างนำคนสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริงมาระบุเป็นบิดามารดา ทำให้ถือว่าบุคคลทั้ง 3 ไม่มีสัญชาติไทยมาตั้งแต่แรก และปัจจุบันเป็นคนต่างชาติที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ทั้งก๊ก อาน และบุตร ก็เป็นผู้ต้องหาในคดีของตำรวจไซเบอร์ในความผิดฐาน การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

 

การถูกเพิกถอนสัญชาติไทยนี้ ทำให้ DSI ขยายผลต่อในประเด็นการประกอบธุรกิจในไทย เนื่องจากก๊ก อาน และบุตรทั้ง 3 คน ถูกถือเป็นบุคคลต่างชาติ จึงไม่สามารถประกอบกิจการในสัดส่วนการถือหุ้นอันดับหนึ่ง หรือการเป็นกรรมการของบริษัทที่จดตั้งในไทยได้ ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างชาติ พ.ศ. 2542

 

โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น ลูกทั้ง 3 คนของก๊ก อาน มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทการให้การบริการในไทย ประมาณ 5 แห่ง โดยมีสถานะเป็นกรรมการของบริษัท ซึ่ง DSI คาดว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทเหล่านี้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายในสัปดาห์นี้

 

หากมีความชัดเจนเพียงพอในการกระทำความผิด พนักงานสืบสวนกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ก็จะได้เสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา รับเป็นคดีพิเศษ ส่วนเรื่องการประกอบกิจการของบริษัทที่เกี่ยวข้อง จะอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ต่อไป

 

สำหรับเรื่องสืบสวนกรณีของเฉิน จื้อ ถูกตั้งเป็นเรื่องสืบสวนหลักที่ 134/2568 แต่กรณีของก๊ก อาน และบุตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลจากรายชื่อ 43 คน ได้ถูกแยกออกมาเป็นเรื่องสืบสวนใหม่ คือ เรื่องสืบสวนที่ 136/2568 เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งหากพบความเกี่ยวข้องชัดเจนในส่วนของรายใดเพิ่มอีก ก็จะมีการแยกเลขเรื่องสืบสวนออกมาเช่นกัน ตอนนี้พนักงานสืบสวนจึงต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบให้ชัดเจน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising