×

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับกลยุทธ์ใหม่ เน้นซื้อกิจการเร่งโต พร้อมมองนโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มีผลกระทบจำกัด

17.10.2025
  • LOADING...
กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับ กลยุทธ์ใหม่ เน้น ซื้อกิจการเร่งโต พร้อม มอง นโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มี ผลกระทบจำกัด

‘กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง’ จัดงานแถลงข่าวพลิกโฉมสู่ศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน The New Era of RAM Hospital โดยหันมาเน้นกลยุทธ์การทำ M&A เพื่อสร้างการเติบโต ตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ไว้ที่ประมาณ 14,495 ล้านบาท เติบโตขึ้น 40% พร้อมมองนโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มีผลกระทบจำกัด เพราะเป็นเรื่องที่บริษัทฯ ทำมาอยู่แล้ว

 

ดร. ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM กลยุทธ์การขยายธุรกิจของกลุ่ม RAM มีการปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นการสร้างโรงพยาบาลใหม่ (Greenfield) มาเป็นการลงทุนในรูปแบบ Brownfield และการเข้าควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) มากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และแผนในอนาคต

 

ขณะที่ในอดีต การทำ Greenfield มีความจำเป็น เนื่องจากจำนวนโรงพยาบาลเอกชนในแต่ละพื้นที่ยังมีน้อย

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป คู่แข่งและการตั้งโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน มีโรงพยาบาลแบบสแตนด์อะโลนหรือโรงพยาบาลบางเครือที่ไม่ต้องการทำงานเพียงลำพัง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ RAM เข้าไปลงทุนในรูปแบบ M&A

 

ดังนั้น การหันมาเน้นกลยุทธ์ Brownfield หรือ M&A มากขึ้น เนื่องจากการสร้างโรงพยาบาลใหม่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเติบโต เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ และบ่มเพาะบุคลากร ในทางกลับกัน การลงทุนในรูปแบบ Brownfield และการลงทุนในบริษัทลูกที่เข้าช่วยบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถ break even ได้เร็วกว่า

 

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับ กลยุทธ์ใหม่ เน้น ซื้อกิจการเร่งโต พร้อม มอง นโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มี ผลกระทบจำกัด 1

ดร. ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM

 

ไม่มีแผนสร้างโรงพยาบาลใหม่ใน 3 ปี จากนี้

 

สำหรับแผนการทำ Greenfield สร้างโรงพยาบาลใหม่ นั้น ดร. ฤกขจีระบุว่า ในช่วง 3 ปีจากนี้ ยังไม่มีแผนที่จะทำ Greenfield เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เคยวางแผนไว้ อย่างไรก็ตาม หากมีจังหวะที่เหมาะสม เช่น พื้นที่ที่ขาดโรงพยาบาล มีที่ดินราคาถูกมาก และสามารถโยกย้ายบุคลากรทางการแพทย์ไปได้ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

 

โดยให้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการแสวงหาโอกาสมากกว่าการถูกบีบบังคับด้วยงบประมาณ ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมทางการเงินและการบริหารจัดการกระแสเงินสด ทั้งนี้ ทุกการลงทุนจะมีแผนรองรับที่ชัดเจนว่ามุ่งหวังอะไรในอนาคต

 

ในด้านความแข็งแกร่งทางการเงิน กลุ่ม RAM มีการบริหารจัดการที่ดี โดยมี อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ บริษัทฯ ไม่ได้สำรองกระแสเงินสดจำนวนมหาศาลเพื่อรอนำไปลงทุน แต่จะเน้นการจัดโครงสร้างสัดส่วนการใช้เงินสดและการกู้ยืมอย่างเหมาะสม

 

“บริษัทฯ ไม่เคยตั้งงบประมาณตายตัวสำหรับการลงทุนทำ M&A เนื่องจากมองว่า การลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะต้องเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสมและราคาที่ถูกต้อง”

 

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหงให้ความสำคัญกับการแสวงหาโอกาสมากกว่าการถูกบีบบังคับด้วยงบประมาณ ซึ่งสะท้อนถึงความพร้อมทางการเงินและการบริหารจัดการกระแสเงินสด ทั้งนี้ ทุกการลงทุนจะมีแผนรองรับที่ชัดเจนว่ามุ่งหวังอะไรในอนาคต

 

RAM ถือหุ้นใหญ่ใน THG ดันรายได้ปี 68 แตะ 14,495 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อหุ้นใน บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 50% จึงเริ่มรวมงบการเงินของ THG นำเข้ารวมกับบริษัทฯ ตั้งแต่ ไตรมาส 3 เป็นต้นไป ทำให้เป้าหมายรายได้ปี 2568 ที่เคยวางไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 14,495 ล้านบาท เป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันที่ 3 ในประเทศไทย แม้ว่าช่วง High Season ของธุรกิจโรงพยาบาลล่าช้าราว 1-2 เดือน

 

อีกทั้ง ทำให้ปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหงมีเครือข่ายโรงพยาบาลรวม 46 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวนเตียงรวม 7,800 เตียง นับเป็นผู้นำกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนอันดับ 2 ของประเทศไทย

 

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับ กลยุทธ์ใหม่ เน้น ซื้อกิจการเร่งโต พร้อม มอง นโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มี ผลกระทบจำกัด 2

 

ดร. ฤกขจี ยืนยันว่า การเติบโตของกลุ่มมาจาก Organic Growth ที่เป็นไปตามเป้าหมายปกติ แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้นมาจากการรวมงบการเงินของกิจการที่เข้าลงทุนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ ด้วยการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้

 

“สำหรับนโยบายในการถือหุ้นใน THG ของ RAM นั้น ระดับปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความสุข ทำให้กลุ่ม RAM ไม่มีเป้าหมายที่จะเข้าถือหุ้นเพิ่มในขณะนี้” ดร. ฤกขจีกล่าว

 

อีกทั้งบริษัทฯ เน้นการลงทุนในบริษัทย่อย โดยมีการลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มในโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ซึ่งหลังจากซื้อหุ้นเรียบร้อยแล้วจะเข้าเป็นบริษัทลูกของโรงพยาบาลรามคำแหง

 

นอกจากนี้ ยังมีการขยายการลงทุนในรูปแบบ Greenfield สร้างโรงพยาบาลใหม่ โดยมีโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วคือ โรงพยาบาลน่านราม ซึ่งมีการก่อสร้างไปแล้ว และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 800 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการที่อยู่ในแผนคือ มหาสารคามราม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบและเขียนแบบ

 

ดร. ฤกขจี ชี้แจงว่า มูลค่าการลงทุนของแต่ละโรงพยาบาลจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับจำนวนเตียงและทำเลที่ตั้ง (Location) และได้กล่าวเสริมว่า การขยายโรงพยาบาลในต่างจังหวัดอาจมีสเกลที่เล็กลงเมื่อเทียบกับการลงทุนในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่

 

ดร. ฤกขจี ประเมินว่า การแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลยังคงดุเดือด แต่จุดเด่นของกลุ่ม RAM คือ การกระจายความเสี่ยง ผ่านการดูแลผู้ป่วยได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่คนไข้ที่จ่ายเงินเอง, คนไข้ประกันภัย ไปจนถึงคนไข้ประกันสังคม สัดส่วนรายได้หลัก ยังคงมาจาก ผู้ป่วยที่ชำระด้วยเงินสด เป็นหลัก ขณะที่ผู้ป่วยประกันสังคมส่วนใหญ่จะอยู่ในเครือวิภาราม

 

มองนโยบาย อนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มีผลกระทบจำกัด

 

นพ. พิชญ สมบูรณสิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM กล่าวว่า ในส่วนของนโยบายกระทรวงพาณิชย์ เช่น ‘สุขกายสบายกระเป๋า’ การควบคุมราคายาและการอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ ทางกลุ่ม RAM ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการเรื่องความโปร่งใสของราคาและอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกมานานแล้วตามแนวทางของกรมการค้าภายใน

 

ผลกระทบต่อโรงพยาบาลจึงมีจำกัด เนื่องจากยาที่ผู้ป่วยสามารถไปซื้อภายนอกได้ส่วนใหญ่เป็นแค่กลุ่มยาสามัญ ส่วนยาควบคุมพิเศษหรือยาที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษยังต้องได้รับภายในโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยและควบคุมคุณภาพ นอกจากนี้ กลุ่มคนไข้ที่มีสิทธิ์เบิกจ่าย เช่น ประกันสังคมหรือประกันสุขภาพส่วนบุคคลยังคงต้องรับยาภายในโรงพยาบาลตามเงื่อนไขการเบิก

 

ส่วนผลกระทบการปรับเงื่อนไข Co-payment ในแผนประกันใหม่ ยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนนัก เนื่องจากคนไข้ส่วนหนึ่งยังใช้แผนเดิมอยู่ ทั้งนี้ โรงพยาบาลรามคำแหงพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายการรักษาให้ไม่เกินวงเงินประกันของผู้ป่วย และให้การวินิจฉัยที่ตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับบริษัทประกัน

 

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับ กลยุทธ์ใหม่ เน้น ซื้อกิจการเร่งโต พร้อม มอง นโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มี ผลกระทบจำกัด 3

นพ. พิชญ สมบูรณสิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท บมจ. โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM

 

ปัจจุบัน เครือข่ายของ RAM ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ

 

1. กรุงเทพฯ มีทั้งฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตก จากการเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลธนบุรี

 

2. ภาคเหนือ มีกลุ่มโรงพยาบาลเชียงใหม่

 

3. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีโครงการที่มหาสารคาม และเครือข่ายโรงพยาบาลวิภารามในอุดรธานี ซึ่งดูแลผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย

 

4. ภาคใต้ มีเครือโรงพยาบาลธนบุรีที่มีโรงพยาบาลในหลายจังหวัด เช่น ตรัง

 

5. ภาคตะวันออก มีเครือโรงพยาบาลวิภาราม ที่ร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรม เช่น อมตะนคร เพื่อตอบรับทั้งผู้ป่วยเงินสดและผู้ประกันตนในนิคมฯ

 

ด้านทีโบ สปิทาคิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด โรงพยาบาลรามคำแหง กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนผู้ป่วยของกลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหงกว่า 95% เป็นคนไทย ทั้งนี้ ภายใต้การ Rebranding เพื่อขยายฐานผู้รับบริการกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ป่วยต่างชาติที่มองหาการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยเฉพาะการดูแลเชิงป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ (Preventive & Wellness) ก่อนป่วยมากขึ้น

 

กลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง ปรับ กลยุทธ์ใหม่ เน้น ซื้อกิจการเร่งโต พร้อม มอง นโยบายอนุญาตให้ผู้ป่วยซื้อยาภายนอกได้ มี ผลกระทบจำกัด 4

ทีโบ สปิทาคิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด บมจ.โรงพยาบาลรามคำแหง หรือ RAM

 

รวมถึงรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมสูงอายุ เราจึงมุ่งเน้นปรับเพิ่มการให้บริการที่เปลี่ยนผ่านจาก Sick Care สู่ Health Care ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมการแพทย์ (Digital Health & Innovation) อาทิ AI, Telemedicine, Big Data และอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพ มาเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัย การรักษา

 

นพ. พิชญ ยังระบุต่อว่า กลุ่มผู้ป่วยคนรุ่นใหม่ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่มีสัดส่วนผู้ป่วยอยู่ที่ 20% และอาจสูงถึง 30% เป้าหมายของโรงพยาบาลคือการสร้างความผูกพัน กับผู้ป่วยกลุ่มนี้เพื่อให้พวกเขาอยู่กับเครือข่ายโรงพยาบาลในระยะยาว

 

สาเหตุที่คนรุ่นใหม่หันมาใช้บริการมากขึ้น เนื่องจากกลุ่ม RAM ได้พัฒนาการบริการทางการแพทย์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ เช่น

 

  • แพ็กเกจตรวจสุขภาพที่น่าสนใจและเข้าถึงได้
  • การรักษาโรคที่พบบ่อยในคนรุ่นใหม่ เช่น ภูมิแพ้ ไซนัส
  • การรักษาปัญหาทางระบบประสาท เช่น ไมเกรน
  • บริการแผนกสูตินรีเวช เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มมีบุตรน้อยลง แต่ยังคงมีโรคทางสตรี เช่น ปวดประจำเดือน ช็อกโกแลตซีสต์ หรือเนื้องอก
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising