รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดคิด เมื่อการปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกลับส่งผลให้เกษตรกรในชนบทประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่สำคัญ จนต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการปราบปรามที่กำลัง ‘บั่นทอนวิถีชีวิต’ ของพวกเขาเอง
ปฏิบัติการปราบปรามที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน และจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 29 มิถุนายนนี้ นำโดย 5 กระทรวงและหน่วยงานของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองระบุว่าเป้าหมายหลักคืออาชญากรและผู้คุกคามความปลอดภัยของพลเมือง
แต่สำหรับเกษตรกรในชนบท ผลที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การปราบปรามทำให้แรงงานต่างด้าวจำนวนมากหลบหนีหรือถูกจับกุม ส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรกรรมอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม อี แจ-มยอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เดินทางไปเยือนชางนยอง เขตเล็กๆ ที่มีประชากร 55,000 คน ในจังหวัดเกียงซังใต้ ตัวแทนเกษตรกรได้ใช้โอกาสนี้เพื่อส่งสารเรียกร้องที่เร่งด่วนที่สุดของพวกเขา: ขอให้หยุดการปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย
ซอง โบ-คยอง หัวหน้าคณะกรรมการฉุกเฉินที่จัดตั้งขึ้นในชางนยอง อธิบายว่า “เกษตรกรจำนวนมากที่นี่บอกว่าวิถีชีวิตของพวกเขากำลังถูกคุกคาม เพราะหาคนงานไม่ได้หลังจากเริ่มการปราบปราม นี่เป็นปัญหาร้ายแรงมาก ถ้าเกษตรกรเก็บยอดกระเทียมไม่ได้ในช่วง 10 เมษายน – 10 พฤษภาคม พืชผลทั้งปีจะเสียหายหมด”
การทำการเกษตรกระเทียมในชางนยอง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกระเทียมที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี คิดเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจท้องถิ่น และพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก
เกษตรกรอธิบายสถานการณ์ว่า “พอเจ้าหน้าที่มาจับคนงานไปบางคน แรงงานต่างชาติที่เหลือก็หนีหายไปหมด เราไม่เคยรู้เลยว่าเขาอยู่เกินกำหนด ตอนนี้ขาดคนทำงานมาก เราจะเลือกจ้างแต่คนที่มีใบอนุญาตอย่างเดียวไม่ได้หรอก เพราะหาคนทำงานไม่พอ”
วิกฤตที่เกิดขึ้นในชางนยองสะท้อนถึงความขัดแย้งระดับชาติที่การบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองกลับส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพลเมืองเกาหลีในภาคเกษตรที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก การเรียกร้องอย่างสิ้นหวังของเกษตรกรแสดงให้เห็นถึงการพึ่งพาแรงงานต่างด้าวอย่างลึกซึ้งในเศรษฐกิจชนบท
กลุ่มสิทธิแรงงานต่างชาติ รวมถึง International Migrants Alliance และ Migrant Forum in Asia ระบุว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวได้ขยายไปทั่วประเทศ ตั้งแต่จังหวัดคยองกีไปจนถึงเกาะเชจู
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สมาชิกสภาเมืองชางนยองได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมระงับการปราบปรามแรงงานผิดกฎหมายในช่วงฤดูเพาะปลูกที่วุ่นวาย และหาแนวทางจัดการที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
เกษตรกรในชางนยองไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวที่มีความเห็นเช่นนี้ เกษตรกรทั่วประเทศต่างประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหลายคนออกมาเรียกร้องให้กระทรวงเปลี่ยนจุดยืนที่เป็นลบต่อแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมายาวนาน
เจ้าหน้าที่เมืองบูยอวางแผนจะเสนอนโยบายใหม่ที่เรียกว่า ‘ระบบแจ้งตนเองโดยสมัครใจ’ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะไม่จับกุมแรงงานผิดกฎหมายที่มาแจ้งข้อมูลที่อยู่และสถานที่ทำงานด้วยความสมัครใจ ข้อเสนอนี้จะถูกหารือในการประชุมสมาคมนายกเทศมนตรีแห่งชาติเกาหลีครั้งต่อไป
กระทรวงยุติธรรมแถลงว่า ในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว ได้จับกุมชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด 5,159 คน และในสี่เดือนแรกของปีนี้รวมแล้ว 17,188 คน
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับข้อร้องเรียนจากเกษตรกรจำนวนมากเกี่ยวกับการปราบปรามในช่วงฤดูเพาะปลูก กระทรวงระบุว่าได้ลดความเข้มข้นของการปราบปรามลงแล้ว โดย “เราจะยังคงพิจารณาสถานการณ์ของเกษตรกรและชาวประมง และจะร่วมมือกับกระทรวงอื่นๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา เช่น การขาดแคลนแรงงาน”
การปราบปรามยังก่อให้เกิดข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชน โดยนักเคลื่อนไหวกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองว่าใช้วิธีการที่รุนแรงและไร้มนุษยธรรมในการจับกุมชาวต่างชาติผิดกฎหมาย และมีแรงงานจำนวนมากได้รับบาดเจ็บขณะพยายามหลบหนี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม หญิงชาวเอธิโอเปียคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะพยายามหลบหนีจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง
ด้วยการตัดสินใจของกระทรวงยุติธรรมที่จะลดความเข้มข้นของการปราบปราม สถานการณ์แรงงานในบูยอดูจะผ่อนคลายลง ‘แต่ปัญหาเดียวกันจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากประเทศไม่มีการปฏิรูประบบคนเข้าเมืองขั้นพื้นฐาน รวมถึงวิธีการจัดการแรงงานผิดกฎหมาย’ เจ้าหน้าที่ระบุ
ภาพ: Stock for you / Shutterstock
อ้างอิง:
