การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างแรงกระเพื่อมไปทุกมิติ ตั้งแต่ภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ การค้าโลก ความมั่นคง เทคโนโลยี ไปจนถึงสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคม จากอ่าวเม็กซิโก (ที่เวลานี้เปลี่ยนชื่อเป็นอ่าวอเมริกา) สู่คลองปานามาในอเมริกาใต้ กรีนแลนด์ในอเมริกาเหนือและยุโรป ไปจนถึงฉนวนกาซาในตะวันออกกลาง เวลานี้ทรัมป์กำลังวางหมากทางยุทธศาสตร์ไกลออกไปจากแผ่นดินสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้กลับมาตอบสนองนโยบาย America First และ Make America Great Again ของเขา
เราชวน ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตั้งคำถามและหาคำตอบว่า ตั้งแต่วันสาบานตนเป็นต้นมา ทุกการขยับของทรัมป์สะท้อนอะไร และมีอะไรที่น่ากังวล
ดร.สุรชาติ มองว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงเดือนนี้ก่อให้เกิดความกังวลไปทั่วโลก เป็นการตอกย้ำว่าผู้นำสหรัฐฯ ละทิ้งชุดความคิดแบบเสรีนิยมในนโยบายต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็สะท้อนตัวตนความเป็นทรัมป์ที่เชื่อว่าสหรัฐฯ ไม่ต้องสนใจใคร
กรณีล่าสุดที่ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะยึดครองฉนวนกาซา และแนะให้ชาวปาเลสไตน์ไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นนั้นยังสะท้อนอีกว่าสหรัฐฯ ไม่สนใจระเบียบโลกที่ยึดโยงกับกฎหมายระหว่างประเทศ (Rules-Based International Order) แบบเดิม ซึ่ง ดร.สุรชาติ กังวลว่าเวลานี้สหรัฐฯ อาจกลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง
แนวคิดของทรัมป์ที่ต้องการแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ต้องการควบคุมคลองปานามา และต้องการดินแดนกรีนแลนด์ด้วยนั้น ยังสะท้อนชุดความคิดแบบจักรวรรดินิยม (Imperialism) ที่เรื่องการขยายดินแดนเป็นส่วนสำคัญของการสร้างจักรวรรดิ อาจารย์มองว่าแนวคิดเช่นนี้ไม่ต่างจากผู้นำรัสเซียและจีน
ดร.สุรชาติ กล่าวว่า โลกอาจเผชิญกับสภาวะที่รัฐมหาอำนาจทั้ง 3 (สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย) ขับเคลื่อนด้วย Imperial Vision ที่ต้องการมีดินแดนภายใต้อำนาจของตนเอง และไม่ยอมรับระเบียบแบบเดิมที่ถือเอาอธิปไตยของรัฐเป็นสำคัญ
“แนวคิดของทรัมป์เห็นชัดทั้งในกรณีกรีนแลนด์ และข้อเสนอให้แคนาดาเป็นรัฐใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงการยึดคลองปานามา ล้วนบ่งบอกถึงการสร้างกระแส Make America Great Again ในแบบของจักรวรรดิ” ดร.สุรชาติ กล่าว
กรณีการคิดยึดกาซาและผลักดันชาวปาเลสไตน์ออกไปนั้น ดร.สุรชาติ มองว่าสามารถเปรียบได้กับ ‘การทำลายล้างเผ่าพันธุ์’
นอกจากโลกอาหรับจะคัดค้านแนวคิดของทรัมป์แล้ว อาจารย์เตือนถึงผลกระทบที่อาจตามมาด้วยว่า แนวคิดการยึดครองกาซาของทรัมป์จะทำให้กลุ่มขวาจัดชาวยิวเดินหน้าขยายนิคมชาวยิว เพราะถ้าชาวปาเลสไตน์ถูกผลักออก กลุ่มขวาจัดชาวยิวจะรุกเข้ายึดพื้นที่แทน
“นอกจากนี้นโยบายของทรัมป์จะทำให้ผู้นำอิสราเอลได้ใจที่จะใช้มาตรการแข็งกร้าวในการแก้ปัญหาในกาซา เลบานอน และปัญหาในเวสต์แบงก์”
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ถือเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เยือนสหรัฐฯ และพบปะทรัมป์หลังรับตำแหน่งสมัยที่ 2 ซึ่งตอกย้ำความสัมพันธ์และความเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นระหว่างสองประเทศ
อาจารย์มองว่าสถานการณ์ตะวันออกกลางจะยุ่งยากขึ้น และบทบาทของสหรัฐฯ อาจได้รับการยอมรับน้อยลง รวมถึงในฐานะคนกลางในการแก้ปัญหาตะวันออกกลางด้วย
ขณะเดียวกันกระแสขวาแบบทรัมป์อาจช่วยสร้างความชอบธรรมให้แก่การยึดครองดินแดนของผู้นำจีนและรัสเซียด้วย
ทรัมป์จะทำให้โลกตะวันตกกระอักกระอ่วน เพราะนโยบายสหรัฐฯ ไม่เป็นเสรีนิยม แต่เป็นจักรวรรดินิยมไม่ต่างจากจีนและรัสเซีย และดำเนินไปในกรอบ America First ตามความคิดและความเชื่อของทรัมป์ ดร.สุรชาติ กล่าวทิ้งท้าย
หลังทรัมป์รับตำแหน่ง เขาส่งสัญญาณพร้อมพบ สีจิ้นผิง ภายใน 100 วันแรกของการทำงาน และมีรายงานด้วยว่า เขากับ วลาดิเมียร์ ปูติน มีโอกาสประชุมสุดยอดกันที่ซาอุดีอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การทูตระหว่าง 3 ผู้นำจึงเป็นเรื่องน่าจับตา และอาจเป็นผู้กุมทิศทางภูมิรัฐศาสตร์โลกหลังจากนี้
ภาพ: Kevin Lamarque / Reuters, Yurchanka Siarhei via ShutterStock