หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า การกดดันไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมที่สหรัฐอเมริกาจะใช้ดีลกับจีน หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร (Executive Order) ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกดดันให้รัฐบาลจีนร่วมแก้ไขปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติด โดยเฉพาะสารเฟนทานิลในสหรัฐฯ
โฆษกจีนระบุว่า มาตรการดังกล่าวของสหรัฐฯ ไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ในการร่วมมือกันระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในการควบคุมและแก้ไขปัญหายาเสพติด สหรัฐฯ ยืนกรานที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยจีนได้แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งและคัดค้านอย่างแข็งขันต่อมาตรการดังกล่าว และได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของจีนเช่นเดียวกัน
หลินเจี้ยนเน้นย้ำว่า การกล่าวโทษไปยังประเทศอื่นๆ จะไม่ช่วยแก้ไขวิกฤตเฟนทานิลในสหรัฐฯ และจะไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีนี้ โดยวิธีการแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานสำหรับสหรัฐฯ คือ การลดปริมาณความต้องการใช้ยาในประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมาย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2025 สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้สนทนากับทรัมป์ ก่อนที่เขาจะเข้าพิธีสาบานตน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง ซึ่งผู้นำทั้งสองประเทศได้บรรลุฉันทามติที่จะดำเนินความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ
โฆษกจีนยังระบุอีกว่า สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้ไม่ใช่การขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียว แต่เป็นการเจรจาและปรึกษาหารือ ด้วยความเท่าเทียมและความเคารพซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีนโยบายควบคุมยาเสพติดที่เข้มงวดที่สุดและบังคับใช้ระดับสูงสุดทั่วโลก และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทั้งจีนและสหรัฐฯ มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนในความร่วมมือเชิงปฏิบัติด้านการควบคุมยาเสพติดในด้านต่างๆ เช่น การควบคุมสารเสพติด การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และความร่วมมือด้านคดีความ ซึ่งล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมทั้งสิ้น
ภาพ: Johannes Neudecker / picture alliance via Getty Images
อ้างอิง:
