×

World Cup Diary Day 13: จุดสิ้นสุดของรอบแบ่งกลุ่ม

29.06.2018
  • LOADING...

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เป็นการลงสนามแข่งขันระหว่าง 32 ชาติที่ได้รับสิทธิ์ผ่านเข้ามาลงแข่งขันในครั้งนี้ โดยหลังจากผ่านครึ่งแรกของทัวร์นาเมนต์ เราก็ได้ 16 ทีมตัวจริงที่ผ่านเข้ามาสู่รอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จ รอดจากการเดินทางกลับประเทศไปเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน 4 ปีข้างหน้า นี่คือจุดตัดที่แบ่งกลางระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่บ่งบอกว่าเราเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว

 

 

THE STANDARD เดินทางออกจากที่พักเพื่อไป Fan Fest ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย อีกครั้ง เพื่อสัมผัสบรรยากาศและความรู้สึกของแฟนบอลชาติต่างๆ ก่อนที่หลายๆ คนที่เรามีโอกาสได้พูดคุย และพบเจอในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ จะแยกย้ายเดินทางกลับประเทศ หลังแผนการท่องเที่ยวของพวกเขาได้จบลง

 

 

สิ่งที่เราพบเจอบนหน้าจอทีวีขนาดยักษ์ วันนี้เป็นการแข่งขันวันสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยญี่ปุ่นลงสนามพ่ายให้กับโปแลนด์ไป 0-1 และโคลอมเบียเอาชนะเซเนกัล ไป 1-0 แต่สถิติที่เกิดขึ้นในระหว่างสองเกมนี้ คือญี่ปุ่นกลายเป็นชาติแรกที่ผ่านเข้ารอบด้วยกฎ Fair Play หรือการที่มีความประพฤติดีกว่าอีกทีม โดยนับคะแนนจากการเสียใบเหลือง-แดง ซึ่งญี่ปุ่นเสียไป 4 ขณะที่เซเนกัลเสียไป 6 ใบ ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติแรกที่ผ่านเข้ารอบด้วยกฎกติกานี้ และกลายเป็นชาติเดียวจากเอเชียในทัวร์นาเมนต์นี้ที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

 

แน่นอนเกมที่ทุกคนรอคอยในวันนี้คือ อังกฤษ และ เบลเยียม ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนแชมป์กลุ่มไม่เข้าและคายรองแชมป์กลุ่มไม่ออก เพราะทั้งคู่นั้นผ่านเข้ารอบ 16 ทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ใครกันจะเป็นแชมป์กลุ่มที่จะต้องไปพบกับญี่ปุ่น

 

ก่อนจะมีโอกาสต่อด้วย บราซิล/เม็กซิโก ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ขณะที่อีกเส้นทางหนึ่งคือพบโคลอมเบียในรอบ 16 ทีม และไปพบผู้ชนะระหว่างสวีเดนกับสวิตเซอร์แลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย (ซึ่งมองได้ว่าอาจจะเป็นหนทางที่ง่ายกว่าในการผ่านเข้ารอบลึกๆ ให้สำเร็จ) สุดท้ายก็เป็นเบลเยียมที่เอาชนะไป 1-0 และเดินไปในเส้นทางที่ยากกว่า ตามชื่อชั้นของทีมที่รอพบพวกเขาอยู่ในช่วงต่อๆ ไป

 

 

แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของวันนี้ คงไม่ใช่ผลการแข่งขันสำหรับทีมงานที่ติดตามรายงานบรรยากาศมาตลอดสองสัปดาห์กว่า แต่มันคือความรู้สึกของแฟนบอลชาติต่างๆ ที่เดินทางมาร่วมศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ แฟนบอลคนแรกที่เราได้พบคือ เยอรมนี แชมป์เก่า ผู้กลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควร

 

 

แฟนอินทรีเหล็กผู้นี้บอกกับเราเพียงสั้นๆ ว่า “พวกเราเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป และนั่นคือบทเรียนที่เราได้รับในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราต้องการอะไรที่ใหม่ทั้งหมด นักเตะใน 4 ปีข้างหน้าไม่ควรเป็นนักเตะชุดนี้”

 

 

ขณะที่ Joshua Tasker แฟนบอลชาวออสเตรเลีย ที่เดินทางมาชมการแข่งขันทั้งหมด 3 เกมของออสเตรเลียในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขายอมรับว่าแม้ออสเตรเลียจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบได้ แต่ความประทับใจสูงสุดของเขาคือการได้เปล่งเสียงร้องเพลงชาติของเขาในสนามทุกครั้งที่ทีมชาติออสเตรเลียลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ และยอมรับว่านั่นคือสิ่งที่ประทับใจที่สุดในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ของพวกเขา

 

 

ปิดท้ายที่แฟนบอลโคลอมเบีย Felipe, Natalia และ Alvaro กลุ่มกองเชียร์เสื้อเหลืองที่เปิดใจกับเราเช่นกันว่า ความประทับใจของพวกเขาคือสิ่งที่ได้เห็นนักเตะทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของพวกเขา สร้างผลงานในเวทีฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของแฟนบอลทั้ง 3 ที่มาจากโบโกตา โคลอมเบีย แต่ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในประเทศชิลี และเดินทางมาร่วมสัมผัสบรรยากาศของฟุตบอลโลกครั้งนี้

 

‘ฟุตบอลคือศาสนา’ คือคำที่เราใช้นิยามความรู้สึกของแฟนบอลโซนอเมริกาใต้ที่มักตอบคำถามเราด้วยประโยคนี้ แต่จากที่เราได้สัมผัสตลอดการเดินทางครึ่งแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ เปรียบเสมือนการเรียนรู้ฟุตบอลจากอีกมุมมองหนึ่งที่อยู่นอกสนามสี่เหลี่ยมผืนผ้า

 

เราได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความประทับใจของการแข่งขัน ทำให้รู้ว่าฟุตบอลคือภาษาสากลที่แท้จริง เพราะเมื่อเราเริ่มพูดชื่อนักเตะของชาตินั้นๆ ตาของพวกเขาจะลุกเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจและความหวัง ให้นักเตะเหล่านั้นเป็นตัวแทนแสดงศักยภาพของประเทศผ่านการวาดลวยลายและฝีเท้าในสนาม

 

แม้ว่าการเดินทางของเราจะมาถึงเพียงครึ่งทาง แต่ประสบการณ์ การได้เห็น ได้สัมผัสได้พูดคุย แม้ว่าจะไม่ได้เข้าสนาม แต่ความรู้สึกที่มีต่อฟุตบอลของเราได้เปลี่ยนแปลง จากฟุตบอลคือศาสนาที่นำพาผู้คนด้วยความเชื่อ ฟุตบอลคือภาษาสากลที่สื่อสารผ่านความหลงใหล ฟุตบอลคือความหวังในอีก 4 ปีข้างหน้า ฟุตบอลคือความภูมิใจของคนทั้งชาติ มาเป็นประโยคเดียวว่า ‘ฟุตบอลคือทุกอย่าง’

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X