วันนี้ (20 ธันวาคม) ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ทราบว่าภาพรวมประเทศไทยหลายพื้นที่มีอากาศเย็น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศเย็นถึงหนาว ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ
ส่วนภาคใต้ฝนลดลงแต่ยังมีพื้นที่น้ำท่วมขัง 2 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี แนวโน้มระดับน้ำลดลงต่อเนื่องจากปริมาณฝนตกลดลง อย่างไรก็ตาม ช่วงวันที่ 26-28 ธันวาคมนี้ อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีกำลังแรงขึ้น จะทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป
“ช่วงวันที่ 26-28 ธันวาคม ฝนอาจจะเพิ่มขึ้นได้ เพราะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงแผ่ลงมาเสริมอีกระลอก ทำให้อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือลมหนาวมีกำลังแรงขึ้น ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น เป็นฝนปานกลางถึงหนัก แต่จะไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศปช. สั่งการทุกหน่วยเตรียมรับมือสาธารณภัยทุกรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมคงเครื่องจักรเครื่องมือของหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที
ขณะที่กรมชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ปลูกส้มโอทับทิมสยาม อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งยังมีน้ำท่วมขังประมาณ 2,100 ไร่ โดยเปิดประตูระบายน้ำทั้งหมดเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล แต่หากน้ำทะเลหนุนจะเดินเครื่องสูบและเครื่องผลักดันน้ำที่ติดตั้งไว้ในพื้นที่รวม 23 เครื่องเป็นหลัก ทำให้สามารถระบายออกได้วันละ 3-4 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าใน 1 สัปดาห์น้ำจะแห้งทั้งหมด
ศศิกานต์ยังกล่าวถึงการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือจำนวน 9,000 บาท ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วว่า ความคืบหน้าล่าสุด (19 ธันวาคม 2567) โอนเงินสำเร็จผ่าน PromptPay 47 ครั้ง จำนวน 301,513 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 2,713,605,000 บาท เหลือรอโอนให้อีก 360 ครัวเรือน จะแล้วเสร็จในวันที่ 23 ธันวาคม 2567
ส่วนการให้ความช่วยเหลือผู้ยื่นคำร้องในระบบออนไลน์ 743,683 ครัวเรือน ใน 16 จังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน เพื่อโอนเงินให้ผู้ประสบภัยเร็วที่สุด