เดินทางมาถึงอัลบั้มที่ 5 กันแล้วสำหรับวงไอดอลชื่อดังของไทยอย่าง BNK48 กับเพลง #Sukinanda (แฮชแท็กสึกินันดะ) หนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมจากต้นตำรับญี่ปุ่น (AKB48) ที่ถูกนำมาแปลเป็นเวอร์ชันภาษาไทยให้แฟนๆ ได้รับฟังกันแล้ว
เป็นอีกครั้งที่ THE STANDARD POP เปิดบ้านต้อนรับ 5 สาวสมาชิกวง BNK48 จากเพลง #Sukinanda นำทีมโดยเซ็นเตอร์ มารีน-กชพร พรโชคชัย พร้อมด้วยเมมเบอร์ แพนเค้ก-พิทยาภรณ์ เกียรติฐิตินันท์, โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล, ปาล์มมี่-ปุญญิสา แก้วสว่าง และ ซินดี้-กฤตชญา อุดมบุญดี
ที่นอกจากจะแวะเวียนมาฝากผลงานเพลงใหม่แล้ว พวกเธอยังร่วมพูดคุยถึงความประทับใจจากการทำงานในเพลงนี้ พร้อมถือโอกาสช่วงท้ายปีมาสรุปภาพรวมชีวิตตลอดปีและสิ่งที่ได้รับจากการเดินทางบนเส้นทางไอดอลแห่งนี้
และพิเศษสำหรับแฟนๆ ของทั้ง 5 สาว พวกเธอฝากจดหมายความรู้สึกและคำขอบคุณ (ที่เปรียบดังการ์ดอวยพรวันปีใหม่) พร้อมภาพถ่ายเซลฟีน่ารักๆ ถึงแฟนๆ ทุกคนผ่านบทสนทนานี้
ถามมารีนถึงความรู้สึกที่ได้มายืน Center เพลง #Sukinanda
Marine: รู้สึกว่าช็อกตั้งแต่วันแรกที่เขาประกาศเลยค่ะ แต่ก็ดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงนี้ เพราะว่าส่วนตัวชอบเพลงนี้เหมือนกัน
แต่ในความดีใจก็มีความรู้สึกกดดันในช่วงแรกว่าเราจะทำหน้าที่ (เซ็นเตอร์) ออกมาได้ดีไหม เพราะเชื่อว่าทุกคนน่าจะคาดหวังเยอะ ตอนถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเครียดมาก เพราะหนูต้องคิดท่าเต้นสำหรับตัวเองที่ใช้ถ่ายในมิวสิกวิดีโอนี้ ก็กลับไปคิดท่านั้นมาเกือบสัปดาห์เพื่อจะมาถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ 2 วัน เป็นงานที่รู้สึกว่าเราใส่ความตั้งใจลงไปเยอะมากๆ เพราะอยากทำให้ทุกคนชอบทุกอย่างที่อยู่ในเพลงนี้
พอหลังจากโชว์เปิดตัวเพลงอย่างเป็นทางการ ก็มีฟีดแบ็กกลับมาว่าเป็นเพลงที่น่ารัก พวกเราทำออกมาได้ค่อนข้างดี เลยรู้สึกว่าขอบคุณมากๆ ที่เห็นความพยายามของหนู ก็ดีใจที่ทุกคนชอบเหมือนกัน
เพลง #Sukinanda บอกเล่าเรื่องราวอะไร
Marine: เพลงนี้ให้ความหมายประมาณว่าแอบชอบ แต่เขาไม่รู้ว่าเราแอบชอบเขาอยู่ ทั้งในเพลงและมิวสิกวิดีโอเลยที่เป็นการเล่าเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่อยากพิมพ์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดียเล็กๆ น้อยๆ เหมือนใบ้ให้เขารู้ว่าเราแอบสนใจเธออยู่นะ เราแอบชอบเธออยู่นะ เธอเห็นบ้างหรือเปล่า รู้ตัวได้แล้ว ประมาณนี้ค่ะ
Palmmy: เพลงนี้สามารถตีความไปในมุมอื่นได้อีก อย่างเช่น การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันกับธีมซัมเมอร์ ความเป็นฤดูร้อน ไปเที่ยวทะเล แต่ความพิเศษจะอยู่ตรงที่เพื่อนคนหนึ่งของเราในกลุ่มแอบชอบเพื่อนอีกคนที่มาด้วยกัน มันก็จะไปพ้องกับท่อนเพลงที่ว่า “เจ้าพวกนิสัยไม่ดี ที่พอรู้เรื่องของพวกเรา ก็ส่งเสียงเชียร์กันไม่เบา เอาจนลั่นเลย” ก็จะมีการแบบแซวกรุบกริบเบาๆ ถ้าตามในมิวสิกวิดีโอก็จะแซวมารีนกับเอิร์น
บอกเล่าความประทับใจจากการทำงานเพลง #Sukinanda
Pancake: หนูชอบมิวสิกวิดีโอค่ะ ก่อนถ่ายทำเขาก็จะมาถามเราว่าเราชอบให้ตัวมิวสิกวิดีโอออกมาสไตล์แบบไหน เหมือนปกติเขาอาจจะมีการวางสตอรีไว้แล้ว แต่อันนี้เขาถามเมมเบอร์ทุกคนก่อนวางสตอรีบอร์ดว่าเราไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร ถ้าเราไปทะเลแล้วเราอยากทำอะไรไหม คือใส่ใจเราด้วยค่ะ แล้วส่วนตัวหนูชอบทะเล เลยรู้สึกว่าเหมือนได้ไปเที่ยว ได้ผ่อนคลายด้วยค่ะ
Marine: หนูชอบ Mood and Tone ของทุกคนค่ะ ทุกคนมีความน่ารักสดใสมาก เข้ากับเพลงนี้ คือทุกคนสดใสอยู่แล้ว พอมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งสดใสน่ารักรวมกันไปอีก
Sindy: ของหนูเป็นเรื่องกินค่ะ (ยิ้มเขินๆ) ตอนไปถ่ายทำก็มีคุยกันว่าชอบกินอะไรบ้าง แล้วทุกคนพูดเมนูต่างๆ ออกมาเยอะมาก กุ้งเผา, ปลาเผา เลยรู้สึกว่าเป็นกองที่ทำงานกันสนุก แล้วก็ได้กินอาหารทะเลหลังเสร็จงานด้วย
Palmmy: รู้สึกว่าเป็นการทำงานที่ชิลแล้วก็เป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว เรียกว่าถ่ายได้กี่เทกก็ผ่านเลย และมิวสิกวิดีโอนี้มีโดรนถ่ายทำด้วย ตอนแรกก็มีกลัวกันนิดหน่อย (หัวเราะ) แต่สนุกดีค่ะ
Monet: หนูรู้สึกประทับใจในเมมเบอร์ที่อยู่ในเซ็มบัตสึนี้ค่ะ ด้วยความที่หนูอยู่รุ่น 3 เราอยู่มาตั้งแต่สมัยที่เมมเบอร์รุ่น 3 ติดเซ็มน้อยๆ ติดเซ็มแค่ 1-2 คน จนตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นรุ่น 3 แล้วก็มีรุ่น 4-5 เข้ามาเสริมด้วย ก็รู้สึกว่าเราต้องปรับตัวที่สมาชิกในเซ็มหน้าเปลี่ยนไปมากๆ เลย แต่ก็สนุกดี เพราะได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้คุยกันมากขึ้น ได้มีโอกาสคุยกับพี่จิว, พี่อาหลี ก็รู้สึกว่าสนุกดี ถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราจะได้สนิทกันเยอะๆ
เนื่องจากเพลงนี้แฝงความหมายว่าด้วยเรื่องของการ ‘แอบรัก-แอบชอบ’ เราจึงถือโอกาสนี้ให้สาวๆ ได้เผยความในใจว่า ถ้าให้บอกรักคนหรือแสดงความประทับใจต่อสมาชิกวง BNK48 ได้ 1 คน (สมาชิกปัจจุบันหรืออดีตก็ได้) เขาคนนั้นคือใคร
Marine: ถ้าตอนนี้ก็เป็นพี่หมูจิ๋ว, พี่เอิร์น BNK48 ค่ะ เมื่อก่อนหนูเคยเป็นบัดดี้กับเขา แต่หนูไม่กล้าคุยกับพี่เขา เพราะกลัวพี่เอิร์น (หัวเราะ) เขาดูเป็นคนดุ ดูเป็นคนนิ่งๆ แล้วเขาเป็นพี่คนโตของวงด้วย
แล้วหนูมีโอกาสมาคุยกับพี่เขาช่วงนี้ที่ได้ทำงานด้วยกันมากขึ้น ทำให้รู้และเห็นว่าเขาเป็นพี่ที่ไม่ได้ขรึมขนาดนั้นเลย เป็นพี่ตัวเล็กที่น่ารักที่คอยดูแลน้องๆ เขามีความเป็นผู้นำแต่ยังคงมีความงอแงแบบเด็กน้อยน่ารัก พอได้อยู่ด้วยก็รู้สึกว่าชอบเขา เพราะเต้นเก่ง แล้วก็ร้องเพลงเก่งด้วยค่ะ มีเสน่ห์เวลาอยู่บนเวที พอดูรวมๆ แล้วสวยดี เลยชื่นชอบและชื่นชมค่ะ
Palmmy: เอาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดก็คือ แอล BNK48 รู้จักกันตอนแรกคือที่ห้องออดิชัน ได้จับคู่กันฝึกร้องเพลง ตอนแรกคิดว่าแอลเด็กกว่าเพราะตัวเล็ก แต่สรุปเป็นคนในรุ่น 4 ที่อายุเท่ากัน เลยรู้สึกสนิทกันง่าย
แอลเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ไม่รู้จะพูดยังไง ก็รู้สึกดีใจที่ครั้งนี้เราได้มาทำงานด้วยกัน มาเต้นด้วยกัน เพราะนี่คือการติดเซ็มบัตสึครั้งแรกของหนู ปกติก็จะเห็นเพื่อนที่เป็นเซ็นเตอร์แยกไปซ้อมกัน เลยรู้สึกว่าถ้าสักวันหนึ่งเราได้มาทำงานด้วยกันก็น่าจะสนุกดี แล้วมันก็สนุกดีจริงๆ ค่ะ ก็ดีใจที่ได้มาอยู่กับเพื่อนตรงนี้
ตอนแรกที่นึกถึงคือนึกถึงรุ่น 4 ทุกคนเลย เพราะพวกเรามีกันแค่ 11 คน แล้วพวกเราก็สนิทกันจริงๆ เวลาเราทำอะไรก็จะนึกถึงทั้ง 11 คนตลอด
Pancake: ชอบพี่วี (อดีตเมมเบอร์ BNK48 รุ่น 2) ชอบที่ไลฟ์สไตล์ คาแรกเตอร์ของเขาดูเท่ ก็เลยชอบ พอเราชอบแล้วเราก็อยากออกไปเที่ยวกับพี่เขา ล่าสุดก็ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน รู้สึกว่าตอนนี้เราสนิทกันแล้ว มีอะไรก็คุยกันได้ ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น สบายใจที่ได้อยู่กับพี่วีค่ะ
Sindy: หนูเคยเล่าไปในไลฟ์แล้ว แต่ก็อยากเล่าอีก คือจริงๆ ตอนออดิชันเข้ามาเป็น BNK48 หนูไม่รู้จักพี่โมเน่ต์เลย แล้ววันออดิชันก็มีพี่ป๊อปเป้อกับพี่โมเน่ต์มาสัมภาษณ์ แล้วหนูบอกว่า เฮ้ย พี่คนนี้ (โมเน่ต์) น่ารักจัง
พอกลับบ้านไปก็นั่งหา Instagram ของพี่เขา คือพี่เขาน่ารักมาก ทำให้เราอยากเข้า BNK48 ตั้งแต่นั้นก็ชอบพี่โมเน่ต์มาตลอด พี่เขาเป็นคนที่เต้นเก่งมาก ช่วงแรกที่ได้เข้าหอมาอยู่กับวงหนูชอบซื้อขนมมาให้พี่โมเน่ต์ด้วย
Monet: หนูไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่าสักวันหนึ่งจะมีคนมาชอบ มามองเราเป็นต้นแบบ เพราะปกติเวลาสัมภาษณ์ (ช่วงออดิชัน) คนในวัยเดียวกันเขาจะไม่ได้ชอบหนูเลย พอรู้ว่าซินดี้มาชอบก็ยังคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเราจะมีคนชื่นชอบแบบคนอื่นด้วย พอมาเป็น BNK48 ด้วยกันหนูจะชอบถามซินดี้ตลอดว่าเลิกชอบพี่หรือยัง? (หัวเราะ) เพราะคิดว่าน้องอาจจะหลงผิดในแวบแรก เลยคอยถามว่าเลิกชอบพี่หรือยัง? เพราะหนูรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรที่น้องน่าจะมาชอบเลย ก็งงๆ อยู่ ก็อยากขอบคุณซินดี้ที่ชื่นชอบในตัวเราเหมือนกัน
Monet: พี่มิโอริค่ะ (อดีตเมมเบอร์ BNK48 รุ่น 1) แต่หนูเพิ่งมาสนิทกับพี่มิหลังจากที่รุ่น 1 แกรดไปแล้ว เพิ่งมาสนิทตอนที่พี่เขาอยู่เป็นปีสุดท้ายของการเป็น BNK48
ตอนที่เข้าวงมาแล้วติดทีม BIII หนูจะอยู่เล่นกับพี่มิตลอดเลย ชอบติดสกินชิพกับพี่มิ แล้วพี่มิเขาเต้นเก่ง ก็ชอบดูพี่มิตอนเต้นเพื่อเป็นแบบอย่างด้วย แต่หนูไม่เคยคุยกับพี่เขาแบบจริงๆ จังๆ แค่คุยผ่านๆ จนถึงช่วงที่มีงาน AKB48 Group Circle Jam 2023
แล้วหนูต้องขึ้นเต้นโซโล่ในเพลง Rumor พอพี่มิรู้เขาก็เดินมาแสดงความยินดีกับหนูด้วย พี่เขาบอกว่ามันเหมาะสมกับหนู ก็เลยเกิดเป็นความประทับใจที่ไม่คิดเหมือนกันว่าพี่เขามองเห็นอะไรในตัวหนู เลยทำให้รู้สึกดีกับพี่มิมาก หลังจากนั้นเหมือนมันคลิกกันมาก ก็จะเป็นกลุ่มคอยเล่นกันตลอดเลยค่ะ ก็จะมีหนู พี่ฮูฟ แล้วก็พี่มิ ถึงพวกเขาจะมีช่วงวัยต่างกันมาก แต่ก็รู้สึกสนุกมากที่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ
ในฐานะไอดอลผู้ทำหน้าที่ส่งต่อความรัก ความสุข และกำลังใจ เราอยากใช้โอกาสนี้ฟีดแบ็กถึงความรู้สึกที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ ไปจนถึงพลังใจที่ได้รับกลับมาจากแฟนๆ นั้นดีต่อใจของพวกเธออย่างไรบ้าง
Palmmy: หนูไม่คิดว่าการมีอยู่ของหนูมันทำให้คนคนหนึ่งเขารู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ต่อมากขนาดนี้ มีแฟนคลับคนหนึ่งเขาเป็นโรคซึมเศร้า แล้วเขาก็ต้องไปหาหมอ ต้องกินยาตลอด เวลาเขามางานจับมือเขาก็จะมาอัปเดตให้หนูฟังค่ะ เขาบอกหนูว่าการได้เจอหนูทำให้เขามีแรงใจในการใช้ชีวิตต่อ
หนูเลยเกิดความรู้สึกว่า ไม่คิดเหมือนกันว่าการมีอยู่ของเราที่เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งมันมีค่ากับเขามากๆ หนูเลยอยากจะเป็นความสดใสให้แฟนๆ ทุกคน เขาอาจจะเห็นหรือได้พูดคุยกับหนูถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 8 วินาที แต่ถ้าทำให้แฟนคลับของหนูกลับไปพร้อมแรงใจที่ดี หนูก็จะดีใจมากๆ เลยค่ะ
Monet: ตอนที่หนูเข้ามาวงแรกๆ หนูเห็นพี่ๆ ในรุ่นได้รับความนิยมสูงๆ หนูก็คิดนะว่าเราก็อยากเป็นคนที่พอเปิดตัวมาก็ดังเลย เป็นที่หนึ่งเลย มันเลยเป็นช่วงที่ในหัวของหนูมัวแต่คิดว่าต้องทำอย่างไรให้คนเขามาชอบเราดีนะ ต้องน่ารัก ต้องสวย ต้องเท่ ต้องเป็นแบบไหนสักอย่าง แบบที่คนอยู่จุดสูงๆ เขาเป็นกัน
หนูรู้สึกว่าเราค้นหาตัวเองมานานมากๆ จนมารู้ว่าแฟนคลับของหนูเขาไม่ได้มาติดตามเพราะเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่เขามาติดตามหนูที่เป็นโมเน่ต์จริงๆ
มันทำให้หนูรู้สึกภูมิใจในแฟนคลับตัวเองมากๆ เวลาหนูถามทุกคนเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อย อย่างเช่น งานจับมือใส่ชุดอะไรดี ทุกคนก็จะตอบพร้อมกันว่าอะไรก็ได้เลย เอาที่เป็นโมเน่ต์ หรือ 2-Shot จะใส่ชุดอะไรก็ได้ที่โมเน่ต์อยากใส่ แต่ขอให้เป็นในแบบที่เราสบายใจ
สิ่งเหล่านี้มันทำให้หนูใจฟูมากๆ ตรงที่เราเข้ามาเป็นไอดอล เราก็อยากให้ทุกคนชื่นชมเราในแบบที่เราเป็นเราจริงๆ เลยรู้สึกภูมิใจกับแฟนคลับตัวเองมากๆ ที่เขาชอบหนูในแบบที่หนูเป็น
Sindy: ช่วงแรกๆ หนูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองค่ะ เคยแอบคิดว่าจะมีคนมาชื่นชอบบ้างหรือเปล่าที่เป็นหนูแบบนี้ แล้วหนูเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่ง แต่พอมีแฟนคลับ ทุกคนก็คอยช่วยซัพพอร์ตหนูมาเรื่อยๆ กับคำว่า ‘เก่งมากๆ’ ที่ส่งมาหา มันทำให้หนูดีใจมากจริงๆ ที่มีคนคอยซัพพอร์ต ทำให้หนูมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ได้เป็นตัวเองแบบเต็มที่ ก็อยากจะขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากจริงๆ ค่ะ
Marine: ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับแฟนคลับมันเป็นช่วงเวลาความสุขของหนูค่ะ เวลาที่ได้เห็นเขาตั้งใจแต่งตัว ตั้งใจเดินทางมาหาเรา เวลาได้เจอเขาทำให้รู้สึกว่าพวกเขาส่งกำลังใจให้เรา มันยิ่งทำให้เราอยากส่งพลังใจกลับคืนไปหาทุกคนมากกว่าเป็นเท่าตัว
หนูก็เหมือนซินดี้เลย เป็นคนที่เข้ามาตอนแรกไม่มีอะไรเลย เป็นเด็กเด๋อๆ ตลกๆ (หัวเราะ) หนูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน มีความกลัวในใจ ไม่ค่อยกล้าลงมือทำสิ่งใหม่ๆ
ส่วนตัวเป็นคนขี้เขินด้วย ช่วงแรกๆ เวลาไลฟ์หนูจำได้เลยว่าไลฟ์ครั้งแรกหนูไม่รู้จะพูดอะไรเลย จะยืนก็กลัว จะนั่งก็เกร็ง ไลฟ์แรกก็คือพูดไม่รู้เรื่องไปเลย แต่ทุกคนที่มาติดตามก็จะบอกว่าไม่เป็นไรนะ สู้ๆ มันเป็นคำที่น่ารักนะ เขาเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาได้ มันรู้สึกมั่นใจมากขึ้น พยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หนูเลยตั้งใจว่าจะเป็นมารีนในแบบของตัวเองที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน
ตอนที่หนูเศร้าหนูก็แค่พิมพ์บอกตรงๆ ว่าหนูเครียดอะไร แฟนๆ ก็พิมพ์ให้กำลังใจมาเยอะมาก เลยเกิดเป็นความรู้สึกที่อยากขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ
Pancake: ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาหนูรู้สึกประทับใจในตัวแฟนคลับมากๆ ทั้งแฟนคลับหน้าใหม่และหน้าเก่า สิ่งที่ทำให้ภูมิใจในตัวแฟนคลับทุกคนเพราะเขาคอยเคียงข้างและสนับสนุนอยู่ตลอด พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางบนเส้นทางไอดอลของหนู ถ้าไม่มีพวกเขาหนูก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้มันออกมาดีได้อย่างไรหากปราศจากพลังใจจากทุกคน
ณ วันนี้หนูเลยรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว เวลาที่หนูรู้สึกว่าหมดแพสชัน ท้อ หรือไม่มีกำลังใจ หนูก็สามารถขอกำลังใจจากพวกเขาได้เสมอเลย ส่วนตัวหนูก็จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเหมือนกัน ดีใจที่เราได้ซัพพอร์ตกันและกันเสมอมาค่ะ
เรื่องอะไรหรือสิ่งไหนในตัวเองที่ ‘ชอบที่สุด’ นับตั้งแต่มาอยู่กับ BNK48
Marine: ชอบที่ตัวเองยังมีความสุข ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีค่ะ ถึงเราจะได้โอกาสขึ้น (เวที) มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ คือทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวทีหนูจะขึ้นไปกับความรู้สึกที่อยากจะแสดงกับทุกคน เพื่อให้แฟนๆ ได้เห็นสิ่งที่เราตั้งใจฝึกซ้อมกันมา แล้วการมองลงมาจากเวทีไปเห็นแฟนๆ เอ็นจอยกัน ยิงมิกซ์ ชูแท่งไฟกัน มันยิ่งทำให้รู้สึกดีและเราเองก็จะสนุกไปกับโชว์นั้นมากขึ้นไปอีก
Pancake: การมาอยู่ใน BNK48 ทำให้หนูเป็นคนที่ Productive มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองต้องคอยบริหารจัดการเวลาให้ได้ภายใน 1 วัน ทำให้ทุกนาทีที่กำลังเสียไปให้เกิดประโยชน์ที่สุด หนูชอบที่ตัวเองสามารถแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตเก่งขึ้น รู้สึกว่าทำให้เราได้ทำอะไรหลายอย่างในวันเดียว รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ชอบที่ชีวิตได้เป็นแบบนี้ค่ะ
Sindy: หนูชอบการอยู่ในวง BNK48 เพราะมันเหมือนการที่หนูได้อยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ชอบอะไรบางอย่างเหมือนกัน ส่วนตัวหนูเป็นคนชอบเต้นชอบร้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วหนูก็คิดว่าถ้าตัวหนูในวัยเด็กมาเห็นหนูในตอนนี้ก็คงภูมิใจในตัวเองมากๆ อีกอย่างหนูชอบการขึ้นสเตจ เพราะสนุกทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวที และดีใจทุกครั้งที่ได้เจอกับแฟนคลับในทุกโอกาสค่ะ
Monet: หนูชอบที่ชีวิตใน BNK48 ทำให้หนูได้ปลดล็อกอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกที่เหมือนว่าเราจะได้เรียนรู้ความสุข ความทุกข์ และความผิดหวัง ได้เร็วกว่าเด็กคนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน
ที่นี่ทำให้หนูได้เข้าใจชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง ได้เรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง สำหรับหนู BNK48 เลยเป็นเหมือนสถานที่แห่งหนึ่งที่จะสอนเราให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้ปลดล็อกอะไรหลายๆ อย่าง
Palmmy: หนูชอบที่เราได้ทำอะไรหลายๆ อย่างแบบเต็มความสามารถที่สุด เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงก็น่าจะไม่มีโอกาสได้ทำเลย อาจจะเป็นแค่แบบเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการใส่ชุดเซ็มบัตสึ ซึ่งหนูก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้มาใส่เสื้อผ้าสีชมพูหวานขนาดนี้
อีกอย่างหนึ่งคือหนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กดีขึ้น ส่วนตัวมีเป้าหมายคืออยากเป็นเด็กดีที่ผู้ใหญ่สามารถเชื่อใจเราได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราเป็นคนชอบทำงานหลายๆ อย่าง บวกกับที่เราเป็น Perfectionist ด้วย เลยอยากทำอะไรหลายอย่างให้มันเต็มที่ ซึ่งก็ยอมรับว่ามันก็มีแอบทำให้ตัวเองกดดันในบางครั้ง แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เราอยากทำในฐานะศิลปินของวง หนูก็จะพยายามทำมันอย่างเต็มที่ที่สุด
นิยามความสุขในการเป็น BNK48 ของแต่ละคนคืออะไร
Pancake: ความสุขของหนูคือการได้อยู่กับเพื่อนๆ ค่ะ อย่างเวลาซ้อมเราก็จะได้อยู่กับเพื่อนๆ เพราะในเวลาปกติเหมือนเราจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน พอเราเข้าห้องซ้อมแล้วมารวมตัวกัน มันจะมีโมเมนต์ความสนุก ความตลก จากการเล่นกันในห้องซ้อม แล้วที่ชอบคือทุกคนจะพร้อมใจกันเล่นซนแบบไม่ห้ามกันเลย (หัวเราะ)
Sindy: การได้ทำสิ่งต่างๆ ภายใต้การเป็น BNK48 ก็ถือเป็นความสุขแล้วค่ะ เพราะส่วนตัวชอบการทำงาน ชอบออกงาน ชอบเจอกับผู้คนใหม่ๆ ชอบอยู่กับเพื่อนๆ ในวง แค่ได้ทำทุกอย่างก็มีความสุขแล้วค่ะ
Marine: หนูก็เหมือนกับซินดี้ คือการที่เราทำทุกอย่างใน BNK48 ก็เป็นความสุขแล้ว เพราะถ้าเกิดเราไม่ชอบเราก็จะไม่มีความสุข อย่างเช่น การสวมชุดเซ็มบัตสึน่ารักๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
การได้ออกไปเจอแฟนคลับข้างนอก ถึงจะเป็นงานเล็กๆ แต่เราก็มีความสุขที่ได้เจอกับผู้คน มีความสุขที่เราได้ออกงาน มีความสุขที่เราได้เต้นเพลงนี้ มีความสุขที่ได้ติดเซ็มบัตสึเพลงนี้ หรืออาจจะไม่ติดเซ็มแต่เราก็ยังมีความสุขที่เราได้ออกงานมาเต้นกับเพื่อนๆ
Palmmy: ความสุขของหนูน่าจะเป็นการที่ได้ขึ้นแสดงบนเวที คือหนูก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่เต้นเก่งหรือร้องเก่งที่สุด ถึงจะเครียดบ้างตอนซ้อมร้องซ้อมเต้นว่าเราจะทำได้ไหม
แต่ ณ วินาทีที่เราได้ขึ้นไปเต้นบนเวทีแล้วมีคนมอง มีคนเชียร์ มันเปลี่ยนจากความกังวลให้กลายเป็นโมเมนต์ที่สนุกจริงๆ อย่างเช่น การแสดงเธียเตอร์ล่าสุด เป็นช่วงก่อนขึ้นแสดงรอบที่ 2 หนูจำได้ว่าเครียดมาก เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าของรอบแรกเราทำได้ดีไม่เท่าที่หวัง แต่พอถึงจังหวะที่ก้าวเท้าขึ้นสเตจไปแล้ว ท่ามกลางเสียงเชียร์แฟนๆ มันทำให้ทุกความกังวลหายวับไปหมด เลยหนูคิดว่าเพราะสิ่งที่เรากำลังทำมันคือความสุขของเราจริงๆ ต่อให้มันมีจุดที่ชวนให้เครียดบ้าง แต่สุดท้ายไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร การแสดงบนเวทีมันก็คือความสุขของเราจริงๆ
Monet: ความสุขของหนูกับการอยู่ใน BNK48 ก็คือแฟนคลับค่ะ และจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อได้ขึ้นแสดงบนเวที แล้วหนูมองไปเห็นแฟนคลับเบื้องหน้าของเราส่งเสียงเชียร์ ทุกคนมีแววตาเป็นประกายที่เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและสนุกไปกับโชว์ของเรา เท่านี้ก็ทำให้หนูดีใจมากๆ เป็นความสุขมากจริงๆ ค่ะ
เนื่องในโอกาสช่วงท้ายปีแบบนี้ เราชวนสมาชิก BNK48 มาร่วมสรุปภาพรวมชีวิตตลอดปีที่ผ่านมาว่าแต่ละคนเผชิญเรื่องอะไรมาบ้าง
Marine: เริ่มต้นปีนี้หนูเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย อยู่ปี 1 ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิตมากๆ ต่อมาคือได้ร่วมซ้อมทีม BIII และรู้สึกชอบการขึ้นสเตจทีมนี้ รู้สึกสนุกเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกหนูชอบทีม NV เพราะไม่คิดว่าเราจะเต้นเพลงของทีม BIII ไหว
พอตัดมาที่งาน BNK48 & CGM48 Request Hour 2024 มีประกาศว่าหนูได้ควบ 2 ทีมคือ NV กับ BIII ตอนนั้นหนูช็อกมาก หนูเองยังไม่คิดว่าเราจะสามารถทำได้ แล้วต่อเนื่องด้วยการประกาศอัลบั้มที่ 5 ด้วย อันนั้นก็ยิ่งช็อกแบบคูณ 2 ไปอีก คือตอนนั้นหนูเกือบยืนพูดความรู้สึกไม่ไหว ก็รู้สึกดีใจ เพราะอันนี้ก็เป็นพาร์ตความสุขของหนูเหมือนกันที่ได้เอ็นจอยกับการขึ้นสเตจทั้งสองทีม
และปีนี้มันมีหลายเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาเหมือนกัน ซิงเกิลที่ 17 หนูก็ไม่ติดเซ็มบัตสึ แต่ในเมื่อไม่ติดก็ไม่เป็นไร เสียใจได้ แต่หนูก็พยายามลุกขึ้นมาใหม่ ไปเรียนร้องเพลงเองเพิ่มด้วย ไปฝึกเต้นเองที่บ้านเยอะมาก พอผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกคุ้มค่าที่เหนื่อยกันมาเยอะเหมือนกัน ถือเป็นปีที่มีทั้งเรื่องที่ดีและมีเรื่องให้เครียดปะปนกันไปค่ะ
Sindy: ปีนี้เป็นปีที่หนูรู้สึกว่าได้ทำอะไรหลายอย่างเยอะกว่าปีที่แล้ว ช่วงต้นปีเป็นช่วงที่เครียดอยู่พอสมควร เพราะยุ่งกับการสอบเข้าโรงเรียนใหม่ แต่สุดท้ายสอบติดก็รู้สึกดีใจมากๆ แล้วก็ปีนี้หนูติดเซ็มบัตสึครั้งแรก มี Trainee Stage ด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รุ่น 4 ตั้งใจกันมากๆ ทุกคนเก่งมากเลยค่ะ และปีนี้ติดเซ็มบัตสึ 2 ครั้งก็ดีใจมาก ถือเป็นปีที่สนุกกับการทำงานมากๆ
แล้วที่สำคัญคือเป็นปีที่ได้ค้นหาตัวเองมากขึ้น ได้เรียนรู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นปีที่หนูรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตแบบคุ้มค่ามาก เต็มที่มากๆ แล้วก็เอ็นจอยกับชีวิตช่วงนี้มากๆ ค่ะ
Palmmy: รู้สึกว่าเป็นปีที่ชีวิตค่อนข้างที่จะลงตัวแล้ว เพราะตอนเข้า BNK48 ช่วงแรกชีวิตมีเรื่องให้ต้องปรับตัวเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะเราเรียนไกลด้วย คือไปเรียนกลับมาก็ซ้อมเลย ทำแบบนี้วนไปทุกวันในช่วงแรกๆ จนรู้สึกไม่ลงตัว
แต่พอเริ่มต้นปีนี้หนูรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูมีแบบแผนมากขึ้น สามารถบริหารชีวิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รู้สึกว่าเราเก่งขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ได้เริ่มลองทำอะไรใหม่ๆ เยอะขึ้น แล้วเป็นปีที่เราติดเซ็มบัตสึเพลงหลักด้วย ถือเป็นปีที่ค่อนข้างดีค่ะ
Pancake: ปีนี้หนูรู้สึกว่าค่อนข้างวุ่นกับการเรียนตั้งแต่เดือนแรกจนถึงท้ายปี แต่ในความวุ่นวายหนูรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ยังแบ่งเวลาได้ แล้วที่พยายามเรื่องเรียนมาตลอดทั้งปีมันส่งผลให้ได้คะแนนสอบออกมาดีด้วย อีกอย่างปีนี้กำลังเตรียมยื่นเข้ามหาวิทยาลัยเลยต้องเตรียมอะไรหลายอย่าง แต่ว่าปีนี้ก็สนุกดีนะคะ ได้เจอคนใหม่ๆ ได้รู้จักกับผู้คนเยอะขึ้น ได้ทำงานเยอะเหมือนกัน
Monet: ภาพรวมของปีนี้เป็นปีแรกที่รู้สึกว่าชีวิตมั่นคงขึ้นนับตั้งแต่มาอยู่ในวง เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนเราต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา ต้องหาแฟนคลับใหม่ๆ ต้องทำอย่างโน้น ต้องเป็นอย่างนี้
อาจจะด้วยความที่หลังจบงาน BNK48 16th Single Senbatsu General Election หนูติดเซ็มบัตสึ เหมือนทุกอย่างมันเริ่มมั่นคง เข้าที่เข้าทางมากขึ้น เพราะหลังจากนั้นก็ติดเซ็ม 2 เพลงในปีนี้ รวมถึงการได้รอบจับมือ หรือ 2-Shot ที่คงที่ ไปจนถึงฐานแฟนคลับที่ทำให้หนูรู้สึกอุ่นใจ แล้วก็ได้เป็นเซ็นเตอร์เพลง Rumor ด้วยค่ะ ก็ดีใจมากๆ
สรุปภาพรวมชีวิตของปีนี้ไปแล้ว เรามามองอนาคตของปีหน้ากันหน่อย เป้าหมายของแต่ละคนที่อยากทำในปีหน้ามีอะไรบ้าง
Monet: เปิดต้นปีมาเตรียมพบกับ Rumor เวอร์ชันภาษาไทยได้เลยค่ะ สัญญาว่าจะพา Rumor ไปให้ไกลมากๆ เพราะหนูก็ตั้งใจมากๆ กับเพลงนี้ คือปกติเขาไม่ได้ให้เมมเบอร์เข้าไปมีส่วนร่วมกับเพลงขนาดนั้น แต่ว่าหนูเอาตัวเองไปมีส่วนร่วมด้วย (หัวเราะ) ก็จะเป็นเพลงที่หนูมีส่วนร่วมแน่นอน ทั้งชุด มิวสิกวิดีโอ คอนเซปต์ต่างๆ นานา เพราะเพลงนี้ถือเป็นโอกาสในชีวิตหนูเลย หนูเลยอยากทำตรงนี้ให้ดีที่สุด
แล้วก็จะตั้งใจอ่านหนังสือค่ะ ฟีลเดียวกับแพนเค้ก เพราะหนูจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยช่วงสิ้นปีหน้า ก็คิดว่าจะเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ
Marine: เป้าหมายของหนูคือการจัดสรรเวลา แบ่งเวลาเรียน การทำงาน และการนอน เพราะว่าช่วงที่ผ่านมาเพลง #Sukinanda มีงานหลายงานเข้ามาซ้อนกัน ก็อาจทำให้พักผ่อนน้อยบ้าง เลยอยากแบ่งเวลาให้ดีมากขึ้นค่ะ
Sindy: เป้าหมายปีหน้า หนูอยากพูดให้เก่งขึ้น รู้สึกว่าตอนนี้ยังพูดไม่ค่อยเก่งเลย
Pancake: ปีหน้าก็อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ แต่ปีนี้ก็มีความสุขแล้วนะ แค่ปีหน้าอยากสุดยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็อยากติดเซ็มบัตสึไปเรื่อยๆ ค่ะ
Palmmy: ปีหน้าหนูก็จะเป็นพี่ปี 4 แล้ว หนูก็จะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิม จะไม่เล่นเกมในห้อง (หัวเราะ) อยากใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยให้คุ้ม ส่วนชีวิตการทำงานก็อยากทำอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อยากให้หนูติดเซ็มต่อไปได้ไหม ขอบคุณค่ะ
เปิดซองจดหมายถึง ‘แฟนคลับ’ ผู้เป็นกำลังใจสำคัญที่คอยซัพพอร์ตมาถึงวันนี้
Marine: ขอบคุณที่มองเห็นอะไรในตัวหนูตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็น BNK48 แล้วก็ดีใจที่ทุกคนตั้งใจแต่งตัวสวย หล่อ และน่ารัก เพื่อเดินทางมาหากันตลอด เพราะหนูก็ตั้งใจมาหาทุกคนเหมือนกัน ขอบคุณทุกคนมากๆ หนูรักทุกคนมากจริงๆ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ แล้วก็ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่คอยอยู่ข้างๆ หนูเวลาที่หนูเศร้าหรือหนูเครียด ขอบคุณค่ะ
Palmmy: ขอบคุณที่คอยดูแลหนูเหมือนลูกคนหนึ่ง หนูคิดว่าแฟนคลับจะรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างจะคิดเยอะ เขาก็จะคอยซัพพอร์ตให้กำลังใจหนูตลอดเลย แม้บางทีหนูไม่ได้บอกเลยว่ากำลังกังวลอะไร แต่ทุกคนจะรู้ตลอด และคอยปลอบหนูว่าไม่เป็นไรนะ ทำดีมาก เก่งแล้ว ครั้งหน้าก็สู้ต่อไป เดี๋ยวเขาจะอยู่คอยดูหนูเติบโตไปเรื่อยๆ หนูเลยรู้สึกอยากขอบคุณที่น่ารักกับหนูมาโดยตลอดค่ะ
Sindy: อยากขอบคุณทุกคนเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตและน่ารักกับหนูมาตลอด คอยส่งกำลังใจให้หนูมาตั้งแต่วันแรก ถ้าไม่มีทุกคนอยู่ หนูก็คงจะไม่มั่นใจในตัวเองมากขึ้นขนาดนี้ ถึงหนูจะไม่ได้พูดบ่อยว่าหนูรักทุกคน แต่หนูก็รักทุกคนมากๆ เลยค่ะ
Monet: สวัสดีค่ะทุกคน ดีใจมากๆ ที่ทุกคนชอบที่หนูเป็นหนู ขอบคุณที่เราเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ชิลๆ หนูมีความสุขกับแฟนคลับมาก ทุกครั้งที่ได้เจอทุกคนก็รู้สึกเหมือนได้อยู่ในพื้นที่สบายใจของหนู
ดีใจที่ทุกคนคอยสนับสนุนเวลาที่หนูลงมือทำอะไรใหม่ๆ ดีใจที่มีคนมาหา มาคุยกัน ถึงแม้จะมีเวลาเพียง 8 วินาที แต่ทุกคนทำให้ช่วงเวลานั้นมีความหมายกับหนูมากจริงๆ รวมถึงคนที่ดูไลฟ์แล้วก็คอยส่งความรักมาให้กันตลอด ขอบคุณที่รักเราในแบบที่เราเป็นเรา และหนูก็รักทุกคนเหมือนกันค่ะ
Pancake: ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนน้องแพนเค้กตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แล้วก็อยากขอโทษถ้าหนูทำตัวไม่น่ารักหรือบางทีอาจจะไม่มีเวลาให้ ต่อจากนี้ก็มาสู้ไปด้วยกันนะคะ ขอบคุณค่ะ รักนะคะ
หลังจากที่ทั้ง 5 สาวกล่าวคำขอบคุณถึงแฟนๆ มาประมาณหนึ่งแล้ว เราเกิดความรู้สึกว่าอยากให้พวกเธอได้ลอง ‘ขอบคุณตัวเอง’ บ้าง เพราะเราเชื่อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครรู้จักเราดีเท่าตัวเราเอง
ดังนั้นมันคงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเธอได้กล่าวและได้ฟังคำขอบคุณจากคนที่รู้จักพวกเธอดีที่สุด นั่นก็คือตัวของเธอเอง
Sindy: อยากขอบคุณตัวเองที่พยายามมาตลอด สู้มาตลอด แล้วก็ไม่ยอมแพ้ คอยพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ อยากบอกตัวเองว่าไม่ต้องกดดันตัวเอง ไม่ต้องเครียดกับทุกเรื่องมากก็ได้ แล้วก็อยากชมตัวเองว่าเก่งมากๆ ที่มาถึงจุดนี้ได้ถ้าเทียบจากแต่ก่อน รู้สึกภูมิใจในตัวเองค่ะ
Monet: อยากขอบคุณตัวเองที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองรักค่ะ หนูรักการเต้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอได้เข้ามาอยู่ในวงแล้วมีช่วงที่ไม่ได้ติดเซ็มบัตสึ ไม่ติดทีม คือเข้ามาในวงเพื่อเต้นแต่ไม่ได้เต้น แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็ไม่ท้อ ยังคงทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมต่อไป เพราะในใจหนูยังรักสิ่งนี้มากๆ เลยอยากขอบคุณตัวเองไม่มองสิ่งที่รักเป็นเรื่องเครียดหรืออะไรที่กดดัน ขอบคุณที่ซื่อสัตย์กับสิ่งที่ตัวเองชอบ
แล้วพอทุกวันนี้เราได้โอกาสเต้นมากขึ้น ได้ขึ้นเวที ได้เป็นเซ็นเตอร์ ได้ติดเซ็มบัตสึมากขึ้น ก็อยากบอกตัวเองในอนาคตด้วยว่า จงเป็นตัวเองเหมือนที่เราเคยเป็น อยากให้คอยชื่นชมความพยายามของตัวเองอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เรารัก ก็ช่วยตั้งใจ แล้วก็ช่วยรักษามันเอาไว้นานๆ
Palmmy: อยากบอกตัวเองว่าเก่งมากแล้ว เหมือนที่ผ่านมาเรายังเป็นคนที่คอยกดดันตัวเองอยู่ตลอด เวลามีคนบอกว่าเก่งมากแล้ว เราก็ยังสงสัยในตัวเองว่าเราเก่งจริงๆ เหรอ เลยรู้สึกว่าเวลาได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ หรือคนรอบข้าง อยากให้เชื่อตรงนั้น อยากให้เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ เวลาใครบอกว่าเก่งมากแล้วก็คือเราเป็นคนเก่งจริงๆ ไม่ต้องไปเทียบกับใคร เราเก่งและเติบโตในแบบของเราอย่างดีที่สุดแล้ว
Pancake: อยากขอบคุณที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอโดยที่ไม่กดดันตัวเอง แล้วก็ขอบคุณตัวเองที่มีความแข็งแรงทางด้านอารมณ์มากขึ้น ไม่เก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาคิดให้มันทุกข์ใจ และอยากบอกตัวเองว่า ตอนนี้เรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราเก่งมากแล้ว อยากให้แพนเค้กภูมิใจกับตัวเองอยู่เสมอ แล้วก็อยากให้แพนเค้กสู้ไปเรื่อยๆ รักนะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้กับตัวเองเสมอ เย้
Marine: ถ้าเกิดหนูเจอตัวเองอีกคน หนูอยากตีตัวเองแรงๆ สักที (หัวเราะ) แล้วพูดเสียงดังๆ กับตัวเองว่า “เฮ้ย จะเก็บมาเครียดทำไม คือเราก็ทำได้นะ เราจะมัวมานั่งคิดว่าเราไม่เหมาะสมหรือเปล่า มันไม่ได้!”
พอตีตัวเองเสร็จแล้วก็อยากลูบหัวปลอบพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ สิ่งที่เราลงมือทำไป เราทำดีที่สุดแล้ว ในทุกๆ ครั้งที่เราขึ้นสเตจไม่ต้องคิดเยอะเลย เพราะแฟนคลับพร้อมให้กำลังใจอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว”
หนูอยากบอกตัวเองว่า เธอเก่งมากๆ กับช่วงเวลาที่ผ่านมา หนูเห็นตัวเองพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะว่าตัวเราอยู่กับตัวเองมาตลอด อยากบอกว่าเราไม่ต้องไปกดดันตัวเองขนาดนั้น อย่าว่าตัวเองเยอะเกินไป ถ้ามีอะไรให้บอกครอบครัวหรือแฟนคลับก็ได้ ไม่ต้องเก็บมาคิดคนเดียวแล้วนะ สุดท้ายอยากขอบคุณที่สร้างความสุขให้ตัวเองได้ทุกๆ วัน รักตัวเองให้เยอะๆ นะมารีน 😀
ฟังเพลง #Sukinanda / BNK48
https://www.youtube.com/watch?v=ymTOSdkUWBs
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- จากไอดอลสู่คนเบื้องหลัง แพสชันใหม่ที่ เฌอปราง อารีย์กุล อยากสานต่อ
- BNK48 5th Generation การเดินทาง ความฝัน และอนาคต
- อิซึรินะ CGM48 สำรวจหมุดหมายสำคัญบนเส้นทางไอดอล