×

เจาะลึก 5 เทรนด์สำคัญในการดำเนินธุรกิจหลังโควิด ‘การเปลี่ยนแปลงที่ต้องจับตาแบบวันต่อวัน’ จากข้อมูลของ SEAC ร่วมกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

07.12.2022
  • LOADING...
5 เทรนด์สำคัญในการดำเนินธุรกิจหลังโควิด

เมื่อโลกของธุรกิจพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ ทำให้ประสบการณ์และสิ่งที่ทำมาในอดีตไม่อาจการันตีถึงความอยู่รอดขององค์กรในอนาคตได้ องค์กรที่ยังคิดหรือใช้กลุยทธ์แบบเดิมอาจก้าวไม่ทันโลก แล้วเทรนด์ที่ต้องก้าวตามให้ทันมีอะไรบ้าง

 

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชี้ให้เห็นว่า ก่อนที่จะเกิดโควิด กว่า 97% ขององค์กรส่วนใหญ่โฟกัสไปที่การนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ แต่หลายครั้งที่ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาดีอย่างที่คิด เพราะขาดการนำนวัตกรรมมาพัฒนาทรัพยากรภายในองค์กร และนวัตกรรมที่ไม่อัปเดตมากพอ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ผลพวงจากโควิดทำให้หลายองค์กรต้องทิ้งตำราในการทำธุรกิจที่มีอยู่ทิ้ง เพราะเมื่อโลกไปไกลกว่าเดิม การบริหารธุรกิจและองค์กรที่พัฒนามาเป็นปีอาจไม่ตอบโจทย์นิยามของโลกที่เปลี่ยนไปในวันนี้ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ แบบเร็วขึ้น ทำให้ต้องจับตากันดูแบบรายวัน 

 

ดังนั้นองค์กรต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้หรือวิ่งตามให้ทันกับโลกที่จะเปลี่ยนไป ตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ เพราะจะไม่มีโอกาสให้นั่งลองผิดลองถูกได้อีก

 

SEAC ร่วมกับ The Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้เผยข้อมูล 5 เทรนด์สำคัญ จากโครงการ ‘Leading in a Disruptive World 5’ ที่จะนำเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารขององค์กรชั้นนำไปฟังข้อมูลและร่วมเวิร์กช็อปเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารธุรกิจในทิศทางที่ถูกต้องหลังโควิด ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา ถึง 5 วันเต็ม โดยมีศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งการสอนและทำวิจัยจากการเก็บข้อมูลจากองค์กรชั้นนำระดับโลกมาร่วมให้ข้อมูลและแนะแนวทางในการวางหมากกลยุทธ์สำหรับแต่ละองค์กรที่เข้าร่วมด้วย

 

ขณะเดียวกันนี่คือ 5 เทรนด์โลกที่ต้องจับตามองหลังสถานการณ์โควิด

 

  1. การ Transform ของโลกและผู้นำ ที่จะมุ่งสู่ Digital Future อย่างแท้จริง 

สถานการณ์โควิดเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นถึง 20 เท่า ความเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นแบบติดจรวดเช่นนี้ส่งผลให้นิยามของ Transformation เปลี่ยนไป กลยุทธ์การทำธุรกิจก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ให้ทัน การก้าวเข้าสู่ Digital Future เร็วขึ้น ส่งผลต่อทุกธุรกิจต้องหันมานำดิจิทัลเข้ามาใช้ เพื่อให้ทันกับโลกและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้นำองค์กรต้องมี Mindset และ Skillset แบบใหม่ที่จำเป็นสำหรับโลกอนาคต 

 

ผู้นำจะไม่แค่เพียงสั่งการ แต่ต้องสร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ Collective Intelligent หรือความฉลาดของการรวมกลุ่ม สร้าง Digital Future และ AI มาใช้ในองค์กร การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อการพัฒนาสินค้าและบริการ ต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมในองค์กรด้วย เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ

 

  1. Tech, Digital และ Data ที่ส่งผลต่อ Transformation 

Transformation ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีอีกต่อไป Tech, Digital และ Data ส่งผลต่อทิศทางของ Transformation การมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ต้องผนวกทั้งเทรนด์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เทคโนโลยี Crown Computing เข้ามามีผลต่อธุรกิจต่างๆ ต้องเรียนรู้ที่จะเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 

 

นอกจากนี้ยังต้องรู้จักที่จะใช้ประโยชน์จาก Data ที่มีอยู่ให้มากที่สุด เข้าใจเรื่องของ​ Data ในมิติที่มากกว่าการเก็บหรือวิเคราะห์ข้อมูล แต่ต้องมองข้ามช็อตว่าองค์กรสามารถนำ Data มาสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจได้ในระดับไหน และจะส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจอย่างไร ดังนั้น Data Mindset จึงเป็นอีกหนึ่ง Mindset สำคัญที่ผู้นำและคนในองค์กรต้องมี

 


  1. กลยุทธ์นวัตกรรมที่จะช่วยให้แข่งขันได้ในโลกแห่ง Disruptive 

องค์กรต้องวางกรอบกลยุทธ์นวัตกรรมในองค์กรใหม่ เพราะนวัตกรรมที่เคยพัฒนามาก่อนสถานการณ์โควิดอาจจะไม่ตอบโจทย์นิยามของนวัตกรรมในวันนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นองค์กรต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการทำนวัตกรรม (Innovation Stretegy) ซึ่งต้องมาจากผู้นำที่มี Venture Mindset หรือ Entrepreneurial Mindset ในการตัดสินใจว่านวัตกรรมตัวไหนขององค์กรที่ต้องนำมาพัฒนาต่อไปให้สุดทาง (Exploitation) 

 

และต้องหานวัตกรรมใหม่ๆ (Exploration) เข้ามาใช้ควบคู่กัน เพื่อเข้าไปเจาะตลาดที่เกิดใหม่ ต้องมองทั้งสองเรื่องควบคู่ไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งกระบวนการ Design Thinking ที่จะนำมาใช้ในองค์กร จะถูกพัฒนาไปอีกขั้นเพื่อให้เกิดผลที่เร็วขึ้น รวมถึงการทำธุรกิจโดยคำนึงความยั่งยืนมากกว่าแค่มุมมองเรื่องผลกำไร ก็เป็นอีกเทรนด์สำคัญที่จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด

 

  1. ผู้นำองค์กรต้องมองการณ์ไกลถึงภาพของอนาคต ไม่ใช่แค่ปัจจุบัน

ผู้นำองค์กรยุคใหม่ต้องเป็น Futurist หรือเป็น Future Leader ที่ต้องปรับเปลี่ยนเกมกลยุทธ์ และมองถึงอนาคตมากกว่าแค่วันนี้ ต้องทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเลือกที่จะปรับใช้กับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นภาพใหม่ของผู้นำที่ต้องมีหลังสถานการณ์โควิด 

 

รวมไปถึงทักษะสำคัญของการโน้มน้าวและเชิญชวน (Influence และ Persuation) เพื่อให้คนในองค์กรคิดและเห็นภาพไปในทิศทางเดียวกัน และต้องมี Improv Mindset ซึ่งเป็นศัพท์ใหม่ที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู เป็นต้นกำเนิดของทักษะสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย    

 

  1. การบริหารงานบุคลากรใหม่ ที่สร้าง Talent แบบตัวคูณ 

การนิยามและภาพของคำว่า Talent ปรับเปลี่ยนไป ในอดีตองค์กรชั้นนำของสหรัฐฯ มองว่าต้องมี Talent อย่างน้อย 10-20% ตอนนี้กลายเป็นว่าองค์กรไม่จำเป็นต้องมี Talent ในองค์กรเป็นจำนวนมากเหมือนเคย มี Talent ที่ใช่แค่ 3 % ก็พอ แต่ต้องขยายศักยภาพของ Talent ให้เป็นตัวคูณที่เพิ่มผลผลิตที่ดีต่อองค์กรให้ได้ โดยสร้างคอมมูนิตี้ของ Talent ในองค์กร หรือแพลตฟอร์มให้ Talent ได้พัฒนาศักยภาพร่วมกัน 

 

โดยสามารถขยายวงไปถึง Talent นอกองค์กรใน Business Value Chain ที่เป็นการรวมกลุ่มกันแบบข้ามสายงานหรือข้ามบริษัท ที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับองค์กร เพื่อให้ Talent ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ อีกทั้งรูปแบบของ Talent ที่องค์กรที่ต้องการหลังจากนี้จะเป็นแบบ Comb-Sharped Talent คือ มีความรู้กว้างและรู้ลึกมากกว่าด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น  ​  

 

จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้น ถึงแม้จะเป็นเพียงการพรีวิวข้อมูลเทรนด์ของโลกล่าสุดในเบื้องต้นจากงาน Breakfast Briefing ภายใต้โครงการ Leading in a Disruptive World 5 โดยอริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง SEAC แต่เชื่อว่าน่าจะทำให้เจ้าของธุรกิจหรือผู้บริหารองค์กรหลายแห่งเริ่มให้ความสนใจกับความเปลี่ยนไปของโลกหลังสถานการณ์โควิด ที่สามารถส่งผลต่อการทำธุรกิจนับจากนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่หลายๆ บริษัทกำลังมองหาแผนกลยุทธ์องค์กรที่ใช่สำหรับปีหน้า หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อให้สามารถเตรียมตัวรับมือ หรือมองหาโอกาสในการบริหารธุรกิจหรือองค์กรได้ถูกทาง

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising