3SAN (สาม) ร้านอาหารไทย-จีน-อเมริกัน ที่นำเสนอความผสมผสานอย่างลงตัวของวัฒนธรรมทั้งสาม นำทีมโดย นิค-กฤษฎา จินตกานนท์, แนน-ศุภรา จินตกานนท์ และ จาค็อบ โบวเซอร์ (Jacob Bowser) ที่จับพลัดจับผลูรู้จักกันเมื่อครั้งอยู่ที่อเมริกา ก่อนที่ทั้งสามจะกลับมาไทยและริเริ่มโปรเจกต์สนุกๆ ที่เล่นกับความไหลลื่นของรสชาติและเอกลักษณ์ของอาหารสามสัญชาติ โดยนิคดูแลอาหารจีน แนนดูแลอาหารไทย ส่วนจาค็อบดูแลอาหารอเมริกัน และด้วยเหตุผลนี้ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้าน 3SAN ซึ่งแปลว่า ‘สาม’ ในภาษาจีน และหมายถึงอาหารสามสัญชาติซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักของร้านอีกด้วย

บรรยากาศโปร่งสบายๆ

The Vibe

สุดซอยสุขุมวิท 51 ที่เต็มไปด้วยทาวน์โฮมเรียงราย 3SAN ตั้งอยู่คั่นกลาง ตัวร้านโปร่งโล่งในช่วงกลางวัน แสงแดดส่องทั่วถึง และเมื่อตกค่ำ บรรยากาศของร้านก็พลันเปลี่ยนเป็นร้านอาหารแคชวลแบบที่พบได้ตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก

มุมเดตที่ไม่เลวทีเดียว

การตกแต่งโดยรวมมาในสไตล์ร่วมสมัย หยิบจับความคลาสสิกมาผสมผสานความโมเดิร์น ผนังสีขาวคลีน ตามด้วยเก้าอี้ไม้ทรงจีน โต๊ะหินอ่อนขาวตัดกับฐานหินอ่อนสีเขียวหยกสะท้อนถึงความเป็นจีนสมัยใหม่ เติมกลิ่นอายไทยๆ ด้วยต้นไม้มงคล และความเป็นร้านอเมริกันด้วยบาร์ยาวหันหน้าเข้าครัวเปิด จะมาคนเดียวหรือนั่งเป็นคู่หน้าบาร์ก็ได้หมด ไม่ต้องเคอะเขิน

จาค็อบผู้รับหน้าที่ความอร่อยในแบบเมืองลุงแซม

The Concept

ก่อนที่จะทำโปรเจกต์นี้ ทั้งสามไปขลุกตัวอยู่ที่จีนเพื่อศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องวัฒนธรรมการกินของชาวจีน จนได้ไอเดียหลายอย่างมาประยุกต์ใช้ในหลายเมนู แม้มีสามสัญชาติอาหาร แต่เมนูที่นำเสนอกลับไม่ได้เป็นแบบฟิวชันหรือเข้าใจยาก นิคเรียกแนวอาหารของ 3SAN ว่าเป็น Asian-American Cuisine ผสมผสานเทคนิคและจุดเด่นของแนวการปรุงรสชาติแบบไทย จีน อเมริกัน ให้เกิดความลงตัวในแต่ละจาน ไม่มากไม่น้อยเกินไป วัตถุดิบที่ทางร้านใช้นั้นเน้นวัตถุดิบในประเทศที่หาได้ตามฤดูกาล หยิบยกมาศึกษาและตีความตามความเข้าใจจนได้สิ่งที่เรียกว่า ‘New Original’ เป็นรสชาติใหม่ที่ยังไม่เคยถูกนำมาใช้หรือนำเสนอ

หมั่นโถวทอดไส้อกเป็ด

The Dishes

เกริ่นเสียนาน มาเริ่มกินกันดีกว่า อยากให้ลองสั่งเปาประจำวัน ซึ่งวันนี้เป็น Braised Duck Bao with Chinese Celery (90 บาท) หมั่นโถวทอดไส้อกเป็ด หลายคนอาจจะกลัวว่าอาหารจีนที่เป็นของทอดจะต้องชุ่มไปด้วยน้ำมัน ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะแป้งหมั่นโถวทอดร้านนี้ไม่อมน้ำมันและเนื้อเบา กินกับเป็ดก็ยิ่งเสริมรสให้เนื้อเป็ดได้ดี ไส้ของเปาปกติมักจะเป็นหมูหรือเนื้อก็เปลี่ยนมาเป็นเป็ด เพราะว่าเนื้อมีความหวานกว่า เป็ดฉีกใช้เนื้อส่วนอกหมักเครื่องเทศไทยและจีน ทั้งเม็ดมัสตาร์ด ใบกระวาน โป๊ยกั้ก และกานพลู จากนั้นกงฟีต์ในน้ำมันเป็ดแล้วไปตุ๋นในฮอยซินซอส เสิร์ฟพร้อมซอสพริก 3 ชนิดเพื่อตัดรสหวาน

กรอบคิดแบบไทย และการนำเสนอแบบโมเดิร์นอเมริกัน

Poached Scallop, Coconut Broth, Salmon Roe (320 บาท) ดูเป็นจานที่ค่อนข้างมีความไฟน์ไดนิ่ง แต่กลับไม่ได้ซับซ้อนหรือพิสดารอะไรขนาดนั้น เนื่องจากเชฟเห็นว่าร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะนำหอยเชลล์ไปจี่ (Sear) กระทะร้อน จนบ่อยครั้งที่เท็กซ์เจอร์ความนุ่มของหอยถูกทำลายไป จึงเปลี่ยนวิธีใหม่โดยนำหอยเชลล์ไปทำให้สุก (Poach) ในน้ำกะทิจากอัมพวา ที่ผสมข่าและตะไคร้ไว้ก่อนแล้ว ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอนดองโชยุกับเหล้าจีน และกากหมูเพื่อเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ ส่วนน้ำมันสีเขียวได้จากการสกัดใบมะกรูดกับผักชีฝรั่ง กินแล้วสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของทะเล ความสดจากวัตถุดิบ และประสบการณ์อาหารภายใต้กรอบคิดแบบไทย และการนำเสนอแบบโมเดิร์นอเมริกัน

ไม่ใช่สมูทตี้ แต่เป็นทูน่าทาร์ทาร์ในรูปแบบที่ต่างไป

ต่อด้วยเมนูพิเศษ Tuna Tartare, Almond Milk, Red Grape Snow, Puffed Rice (290 บาท) เมื่อสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้เสมอไป ภายนอกหน้าตาดูเหมือนสมูทตี้โบวล์ แต่แท้จริงแล้วเป็นทูน่าทาร์ทาร์ที่ผ่านการตีความใหม่ แต่ยังคงสัมผัสสดชื่นอย่างเช่นทาร์ทาร์โดยทั่วไป ในชามประกอบด้วย 3 ส่วน แยกเลเยอร์ชัดเจน สีม่วงคือน้ำส้มสายชูผสมน้ำองุ่นรีดักชัน แล้วปั่นจนขึ้นเกล็ดน้ำแข็ง โรยหน้าด้วยข้าวพองไรซ์เบอร์รี กลางชามคือทูน่าทาร์ทาร์ชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้ากับขิง กระเทียม และสารพัดเครื่องเทศ ก่อนที่จะตัดรสชาติด้วยเนื้อองุ่นแดงด้านบน ส่วนครีมสีขาวข้นเป็นนมอัลมอนด์โฮมเมดทุกขั้นตอนตั้งแต่การนำถั่วไปเคี่ยวจนได้น้ำนมเข้มข้น ตักกินทุกส่วนพร้อมกันจะได้ครบรสหวาน เค็ม และเปรี้ยว แถมยังสดชื่นชวนให้ตื่นเต้นกับจานถัดไป

เมนูดัดแปลงก๋วยเตี๋ยวตำรับมณฑลเสฉวนที่อยากให้ลอง

Duck Dan Dan Noodle (250 บาท) เมนูนี้ดัดแปลงเล็กน้อยจากก๋วยเตี๋ยว Dan Dan ของดีประจำมณฑลเสฉวน ซึ่งของเดิมจะเป็นเส้นราดซอสเผ็ด พริกเสฉวน หมูสับ และต้นหอม แถมยังมีทั้งแบบก๋วยเตี๋ยวแห้งหรือน้ำ แต่ที่ 3SAN เปลี่ยนจากหมูสับเป็นเป็ดสับคั่ว เนื่องจากเนื้อเป็ดมีความหวานธรรมชาติมากกว่าหมูและไก่ ส่วนเส้นบะหมี่ทางร้านทำขึ้นเอง เส้นเหนียวนุ่ม นวดสดใหม่ทุกวัน เชฟนำเส้นไปผัดแห้ง คลุกเคล้ากับซอสที่ทำจากงาปั่น ถั่วปั่น พริกเสฉวน และน้ำส้มสายชูดำ ส่วนเป็ดสับนำไปคั่วแล้วผัดกับขิง กระเทียม และผักกาดดอง โรยหน้าด้วยกากหมูเพิ่มความกรอบทุกคำที่รับประทาน รสชาติเผ็ดร้อนนิดหน่อยตามแบบฉบับจีนเสฉวน และไม่ต้องกลัวว่าจะเผ็ดเกินไป เพราะก๋วยเตี๋ยวผัดแห้งถ้วยนี้เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปประจำวัน

แรงบันดาลใจจาก Twist Noodle 

อีกหนึ่งจานก๋วยเตี๋ยวที่มีไอเดียน่าสนใจ Twist Noodle, Uni Cream, River Prawn, Red Chilli (350 บาท) เชฟได้แรงบันดาลใจในการทำ Twist Noodle มาจากปัปปาเดลล์ (Pappardelle) พาสต้าจากแคว้นทัสคานีในอิตาลี มีเส้นกว้างแบนคล้ายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมีความใกล้เคียงกับเส้นก๋วยจั๊บที่เหมือนเส้นใหญ่ม้วน และนำเส้นก๋วยจั๊บมาผัดแห้งกับกุ้งผัดกระเทียม ที่มีรสจัดจ้านเผ็ดร้อนเพิ่มเติมมาจากขิง หอมแดง และพริกขี้หนูสด ใส่เหล้าจีนตอนผัดเพื่อให้กลิ่นหอมและรสกลมกล่อม และมีเนยอีกเล็กน้อยให้มีความมันและครีมมี่แบบฝรั่ง ก่อนที่จะท็อปด้วยโฟมครีมไข่หอยเม่น ได้สัมผัสนุ่มเบาเคล้ากลิ่นทะเล

พาสต้าสไตล์ทัสคานีแบบดัดแปลง และเมนูข้าวที่เหมือนจะเป็นข้าวมันไก่ แต่เปล่าเสียหน่อย

หากแวะมาช่วงกลางวัน เราขอแนะนำ San Seared Chicken Overice (240 บาท) ข้าวอกไก่หนังกรอบ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งสับสนว่าเป็นข้าวมันไก่ เพราะนี่ไม่ใช่ข้าวมันไก่เสียทีเดียว ในขณะที่ร้านข้าวมันไก่พยายามนำเสนอความนุ่มของไก่ด้วยการทำให้ไก่สุกด้วยอุณหภูมิต่ำ แต่ที่ 3SAN เชฟนำไก่ไปแช่ในน้ำเกลือ (Brine) จากนั้นทำให้สุกด้วยอุณหภูมิประมาณ 60 องศาในน้ำมันมะกอกผสมน้ำมันเป็ดและเครื่องเทศสมุนไพร จากนั้นค่อยจี่อกไก่ในน้ำมันจนหนังไก่เริ่มกรอบแห้ง ส่วนความเค็มในเนื้อไก่ที่ได้จากน้ำเกลือในขั้นตอนแรกก็เริ่มเผยความเค็มอ่อนๆ จนสามารถกินได้โดยไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติม ส่วนข้าวใช้จากจังหวัดสุรินทร์ นำไปผัดน้ำมันหมูและน้ำมันเป็ดพร้อมขิง กระเทียม และผักชี แต่เดี๋ยวก่อน เรารู้ว่าคนไทยชอบปรุง เพราะฉะนั้นในเซตข้าวอกไก่หนังกรอบมาพร้อมผักดอง น้ำพริกไข่เค็ม ซีอิ๊วหวาน และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว และซุปเก๋ากี้พุทราจีน เมนูนี้สายรักสุขภาพหรือผู้ที่กำลังเน้นโปรตีนกินได้สบาย ไม่ต้องคิดมาก

ตบท้ายด้วยขนมสไตล์ตั้งแคมป์แบบอเมริกัน

ส่งท้ายด้วยของหวานที่ได้ไอเดียมาจาก S’more หรือมาร์ชเมลโลย่างไฟโปะช็อกโกแลตกับบิสกิต ขนมเมนูฮิตประจำแคมป์ไฟของชาวอเมริกัน กับ Pineapple S’more, Graham Cake, Toasted Marshmallow (170 บาท) ด้านบนสุดยังคงเป็นมาร์ชเมลโลย่างไฟเกรียมนิดๆ ชั้นถัดมาคือสับปะรดเนื้อหวานฉ่ำที่ซูวีด์ในบรั่นดีมาก่อน ตามด้วยเลเยอร์ล่างสุดเป็นเค้กที่ทำจากแกรมแครกเกอร์ รองฐานด้วยน้ำเชื่อมสับปะรด และกินคู่กับแกรมครัมเบิลเนื้อบดป่นละเอียด

What You Should Know:

• ทางร้านมีสองเมนู อาหารเช้าและกลางวัน สั่งได้ตั้งแต่ 10.00-17.00 น. ส่วนอาหารเย็นให้บริการตั้งแต่ 17.00 น. เป็นต้นไป
• ร้านไม่มีที่จอดรถ แต่สามารถจอดริมถนนได้ ทางที่ดีควรโทรเข้าร้านให้สำรองที่จอดล่วงหน้าให้ก่อน หรือจะนั่ง BTS ลงสถานีทองหล่อ แล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาก็ดียิ่งกว่า

3SAN

Open: เปิดบริการวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.

Address: ซอยสุขุมวิท 51 คลองตันเหนือ วัฒนา กรุงเทพฯ

Budget: 200-600 บาท

Contact: 06 2909 2404, 09 7029 8703

Website: www.facebook.com/3sanbkk

Map: 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า