วันนี้ (1 กรกฎาคม) หลายประเทศสามารถรับมือกับโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (NIAID) กล่าวเตือนขณะรายงานสถานการณ์โควิด-19 ต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มที่อาจจะพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มวันละ 1 แสนรายในอนาคตอันใกล้ หากพลเมืองอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงไม่สวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่างทางสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่หลายรัฐเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์และคุมเข้มทางสังคมแล้ว
โดยสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มกว่า 4 หมื่นรายถึง 4 ใน 5 วันที่ผ่านมา ล่าสุดผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ กูโอโม ได้ลิสต์รายชื่อรัฐ 16 รัฐในประเทศที่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน หากเดินทางมาเยือนรัฐนิวยอร์ก ซึ่งกระทบต่อพลเมืองอเมริกันกว่า 48% ในประเทศ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกราว 2.7 ล้านคนแล้ว
“ผมไม่สามารถทำนายสถานการณ์ที่แม่นยำได้ แต่ผมยืนยันได้คือ สถานการณ์จะยิ่งยุ่งยากขึ้น เพราะเมื่อคุณเห็นการระบาดปะทุขึ้นในพื้นที่หนึ่งของประเทศ ขณะที่พื้นที่อื่นๆ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ถึงกระนั้นคุณก็ยังมีจุดอ่อนอยู่
เราไม่สามารถที่จะโฟกัสเฉพาะพื้นที่ที่การระบาดปะทุขึ้นได้ เพราะนั่นจะทำให้ทั้งประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง”
นอกจากนี้ ดร.เฟาซี ยังได้เสนอแนะให้รัฐบาลสหรัฐฯ แจกจ่ายหน้ากากอนามัยฟรีให้แก่พลเมืองอเมริกันทุกคน พร้อมประณามการกระทำใดๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) เผยว่า มีอย่างน้อย 12 รัฐขณะนี้ที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
“นี่คือช่วงเวลาวิกฤตที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกันลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโอบรับหลักปฏิบัติสากลอย่างเช่น การสวมหน้ากากอนามัย โรคระบาดนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน เราต้องช่วยกันยุติการแพร่ระบาดนี้”
ภาพ: USA TODAY NETWORK / Reuters
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: