×

วิกเตอร์ บูต คือใคร สำคัญต่อปูตินอย่างไร ทำไมรัสเซียยอมปล่อยนักบาสหญิงอเมริกันแลกตัว ‘พ่อค้าความตาย’

09.12.2022
  • LOADING...
วิกเตอร์ บูต

การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่าง บริตต์นีย์ ไกรเนอร์ นักบาสเกตบอลสาวชาวอเมริกัน กับ วิกเตอร์ บูต พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซียเจ้าของฉายา ‘พ่อค้าความตาย’ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นไม่ง่ายนัก และเกิดในช่วงเวลาที่แทบไม่น่าจะเป็นไปได้ ท่ามกลางภาวะตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ขั้นสูงสุดระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย

 

หากดูอย่างผิวเผินจะเห็นได้ว่า ไกรเนอร์และบูตนั้นถูกกล่าวหาในคดีอาชญากรรมที่แตกต่างกันชนิดคนละขั้ว โดยไกรเนอร์ถูกทางการรัสเซียจับกุมและตัดสินโทษจำคุกในเรือนจำจากข้อหาครอบครองน้ำมันกัญชาเพียงกรัมเดียว 

 

ส่วนบูตนั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อค้าอาวุธที่ร่ำรวยที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นผู้เติมเชื้อไฟความขัดแย้งในการสู้รบที่เกิดขึ้นในหลายประเทศแอฟริกาและประเทศอื่นๆ 

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์และแรงกดดันทางการเมืองของทั้งสองประเทศส่งผลให้ความไม่สมดุลในคดีของทั้งสองคนกลับตาลปัตร โดยไกรเนอร์มีความสำคัญและได้รับความเห็นอกเห็นใจจากชาวอเมริกัน จากการที่เธออ้างว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และถูกจับในฐานะเบี้ยประกันทางการเมือง ช่วงก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากสงครามบุกยูเครน ทำให้รัฐบาลไบเดนต้องเริ่มต้นเจรจากับเครมลินในจุดเลวร้ายที่สุดของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

 

สำหรับรัสเซียความสำคัญเกินขอบเขตของบูตนั้นยังเป็นปริศนาที่ใหญ่กว่า หลายคนสงสัยว่าชายคนหนึ่งจะมีคุณค่าต่อมอสโกได้อย่างไร พวกเขาใช้เวลานับสิบปีเพื่อหาหนทางปล่อยตัวบูตจากเรือนจำสหรัฐฯ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดและในระดับใดก็ตามที่สามารถทำได้ ในขณะที่บูตอ้างมาตลอดว่าตนเองเป็นเพียงนักบินและพ่อค้าระดับโลกที่บริสุทธิ์และโชคร้าย

 

วิกเตอร์ บูต คือใคร สำคัญอย่างไร

  • วิกเตอร์ บูต เป็นชายชาวรัสเซียที่เกิดในทาจิกิสถาน ซึ่งขณะนั้นปกครองโดยสหภาพโซเวียต เขาเป็นทั้งนักบินและผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นนักแปลของกองทัพ โดยเริ่มอาชีพขนส่งทางอากาศตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต

 

  • ข้อมูลจากหนังสือ พ่อค้าความตาย (Merchant of Death) ที่เขียนโดย ดักลาส ฟาราห์ และ สตีเฟน บรอน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ระบุว่า บูตสร้างธุรกิจของเขา โดยใช้เครื่องบินทหารที่ทิ้งไว้ที่สนามบินของอาณาจักรโซเวียตที่กำลังล่มสลายในช่วงต้นทศวรรษ 1990

 

  • โดยเครื่องบินรุ่น Antonovs และ Ilyushins ที่มีความทนทานนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการส่งสินค้าไปยังลานบินที่เป็นหลุมเป็นบ่อทั่วโลกในช่วงสงคราม

 

  • กระบวนการนำตัวบูตไปรับโทษในสหรัฐฯ เป็นผลงานอันซับซ้อนของหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ (DEA) โดยเขาถูกหลอกให้ตกลงจัดหาอาวุธให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่แสร้งทำเป็นผู้ก่อการร้ายชาวโคลอมเบีย สมาชิกกองกำลัง FARC ซึ่งกำลังวางแผนสังหารชาวอเมริกัน

 

  • ในปี 2008 บูตถูกจับกุมได้ที่ไทยตามหมายจับของตำรวจสากล ด้วยข้อหาจัดหาอาวุธสงครามให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในโคลอมเบีย ก่อนจะถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่ทางการสหรัฐฯ ในปี 2010 และถูกศาลสหรัฐฯ ตัดสินโทษจำคุก 25 ปี ในข้อหาวางแผนสังหารชาวอเมริกันผ่านการจัดหาอาวุธสนับสนุนองค์กรก่อการร้าย

 

  • ในระหว่างที่ถูกตัดสินโทษ บูตซึ่งมีอายุ 45 ปี อ้างว่าเขาเป็นเพียงผู้ประกอบการที่มีธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้องว่าพยายามติดอาวุธให้กลุ่มกบฏในโคลอมเบีย และอ้างว่าตนเองเป็นเหยื่อในแผนการทางการเมืองของสหรัฐฯ 

 

  • อย่างไรก็ตาม เรื่องแปลกอย่างหนึ่งคือ หลังจากก่อคดีอาชญากรรมทั้งหมด บูตกลับถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกในข้อหาสมรู้ร่วมคิด ไม่ใช่ผู้ดำเนินการ

 

  • นิก เพตัน วอลช์ บรรณาธิการด้านความมั่นคงระหว่างประเทศของ CNN ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เขาได้สัมภาษณ์บูตในปี 2009 ระหว่างถูกคุมขังในกรุงเทพฯ โดยเผยว่า บูตพูดได้หลายภาษา พูดจาไพเราะ มีเสน่ห์ และสามารถบรรยายรายชื่อตัวละครทางการเมืองทั่วโลกที่เขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวได้อย่างไม่รู้จบ

 

  • วอลช์เผยว่า เขาเคยเห็นคลิปวิดีโอของบูตระหว่างที่อยู่ในคองโกและทั่วแอฟริกา ซึ่งเขาค่อนข้างใกล้ชิดกับความขัดแย้งที่นั่น โดยบูตถูกกล่าวหาทั้งจากนักวิเคราะห์และการสืบสวนขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งระบุว่า เขาได้แพร่กระจายอาวุธขนาดเล็กจำนวนมากไปทั่วทวีปแอฟริกาในช่วงทศวรรษที่ 90 และต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งรวมทั้งการติดอาวุธให้กองกำลังสองฝ่ายในสงครามกลางเมืองของแองโกลา และจัดหาอาวุธให้กับกองกำลังติดอาวุธและรัฐบาลของหลายประเทศ ซึ่งเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

 

  • นอกจากนี้ UN ระบุชื่อบูตในฐานะ ‘เพื่อนร่วมงาน’ ของอดีตประธานาธิบดี ชาร์ลส์ เทย์เลอร์ ของไลบีเรีย ซึ่งถูกตัดสินโทษเมื่อปี 2012 ในข้อหาช่วยเหลือและสนับสนุนการก่ออาชญากรรมสงครามระหว่างสงครามกลางเมืองของเซียร์ราลีโอน

 

  • ขณะที่มีหลายข้อกล่าวหาและรายงานจากสื่อตะวันออกกลางระบุว่า เขาเป็นผู้ติดอาวุธให้กับกลุ่มอัลกออิดะห์และตาลีบัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธเช่นกัน ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้เขาถูกตีความว่าเป็นปีศาจร้าย และกลายเป็นที่มาของภาพยนตร์ Lord of War ที่นำแสดงโดย นิโคลัส เคจ 

 

  • ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกกล่าวหาว่าทำงานให้หน่วยข่าวกรองรัสเซียและกลายเป็นสินทรัพย์สำหรับเครมลิน ในการจัดหาอาวุธทั่วโลกเพื่อสนับสนุนเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์

 

  • โดยหลายคนชี้ว่า บูตเคยทำงานรับใช้ผู้อาวุโสชาวรัสเซียหลายคนที่ปัจจุบันสนิทสนมกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งนี่อาจอธิบายได้ถึงความเอาจริงเอาจังที่สหรัฐฯ ตามล่าตัวเขา เพราะเขาไม่เคยเป็นคนไม่สำคัญ

 

การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเกิดขึ้นได้อย่างไร

  • การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างไกรเนอร์และบูตเสร็จสิ้นที่สนามบินอาบูดาบีเมื่อวานนี้ โดยซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีส่วนร่วมในความพยายามเป็นตัวกลางเจรจา ที่ทำให้การแลกเปลี่ยนนักโทษทั้งสองเกิดขึ้น

 

  • เดิมทีรัฐบาลวอชิงตันต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนนักโทษแบบ 2 ต่อ 1 คือ ไกรเนอร์ พร้อมกับ พอล วีแลน อดีตนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ที่ถูกจับกุมและจำคุกในรัสเซียข้อหาสายลับ แต่รัสเซียแสดงท่าทีว่าเต็มใจที่จะเจรจาเฉพาะกรณีของไกรเนอร์เพียงคนเดียว

 

  • ในแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (8 ธันวาคม) กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า กระบวนการเจรจาที่นำไปสู่การแลกเปลี่ยนตัวบูตและไกรเนอร์นั้นใช้เวลานาน โดยฝ่ายสหรัฐฯ ต่อต้านข้อเรียกร้องให้บูตเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษ

 

  • “วอชิงตันปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะเข้าร่วมการเจรจาเกี่ยวกับการใส่บุคคลสัญชาติรัสเซียในการแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม สหพันธรัฐรัสเซียยังคงทำงานอย่างแข็งขัน เพื่อปล่อยตัวเพื่อนร่วมชาติของเรา” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยต่อสำนักข่าว TASS

 

  • ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้อนุมัติขั้นสุดท้ายสำหรับการแลกเปลี่ยนนักโทษในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้แถลงหลังการปล่อยตัวไกรเนอร์โดยไม่ได้เอ่ยชื่อบูต แต่วิจารณ์การกระทำของรัสเซียที่จับกุมและตัดสินโทษจำคุกไกรเนอร์ และชี้ว่า ไกรเนอร์ต้องสูญเสียชีวิตของเธอไปหลายเดือน และเผชิญกับบาดแผลทางใจโดยไม่จำเป็น

 

  • การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษระหว่างบูตและไกรเนอร์สร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย เนื่องจากเกิดขึ้นในระหว่างที่การรุกรานยูเครนของรัสเซียยังไม่จบสิ้น ในขณะที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตก ต่างรุมคว่ำบาตรรัสเซียอย่างหนักในแทบทุกด้าน จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ตึงเครียดถึงขีดสุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น

 

  • อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นบ่งบอกได้ว่า มอสโกและวอชิงตันสามารถทำธุรกิจและแก้ไขปัญหาร่วมกันในบางเรื่องได้ ถึงแม้ว่าระเบิดของรัสเซียจะกำลังสังหารพลเรือนยูเครน และสหรัฐฯ จะยังพยายามจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน ซึ่งกำลังรุกไล่สังหารทหารรัสเซียและยึดดินแดนคืน

 

  • อีกด้านหนึ่งยังสะท้อนถึงความอ่อนแอของปูตินในช่วงเวลาที่เขาโอ้อวดวาทศิลป์และขู่ใช้นิวเคลียร์ต่อชาติตะวันตกอย่างเผ็ดร้อน เขายังยอมให้มีการทำข้อตกลงทางการทูตระดับสูงเพื่อทวงคืนบูต ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกมองว่ามีความสำคัญอันซับซ้อนต่อชนชั้นนำและชุมชนข่าวกรองของรัสเซีย ทั้งยังเป็นการทวงความภาคภูมิใจของชาติกลับคืนมาด้วย 

 

ภาพ: Nicolas Asfouri / AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising