Vibes:
Mono Sei คือพรีเมียมโอมากาเสะน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อช่วงปลายปี 2019 ซึ่งก่อนที่เราจะมีโอกาสไปชิมอาหารถึงที่ร้าน ทางร้านก็ต้องปิดให้บริการตามข้อกำหนดของรัฐเสียก่อน แต่ล่าสุดทางร้านก็ออกแบบ ‘กล่องข้าว’ รูปแบบใหม่ที่หยิบไอเดียของการเสิร์ฟอาหารแบบโอมากาเสะ คือการใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่เชฟได้มาในแต่ละวัน มาปรับเข้ากับรูปแบบข้าวกล่องเบนโตะที่สามารถเดลิเวอรีได้ตามสถานการณ์ปัจจุบัน
Packaging:
กล่องโอมากาเสะของ Mono Sei ห่อกระดาษพร้อมรายละเอียดของแต่ละเซตมาอย่างเรียบร้อย ภายในอาหารทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในกล่องไม้แบ่งสัดส่วนเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งกล่องไม้สีอ่อนพร้อมฝาสไลด์ปิดนั้นสวยงาม แข็งแรง สามารถนำไปใช้ต่อได้ จะเอาไว้จัดระเบียบเครื่องปรุงในครัว หรือวางเป็นช่องใส่ของบนโต๊ะทำงานก็ได้ทั้งนั้น
Chirashi Bento
Food & Drink:
กล่องเบนโตะมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ เราขอยกกล่องที่ลงมติกันแล้วว่าเป็นขวัญใจมหาชนขึ้นมาแนะนำ กล่องแรกคือ Chirashi Bento (ราคา 2,900 บาท) กล่องนี้มีชื่อเล่น (ที่ตั้งเอง) ว่า ‘ข้าวหน้าเครื่องแน่น’ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบปลาดิบ เพราะฝั่งที่เป็นข้าวหน้าอัดแน่นมาด้วยเหล่าซีฟู้ดสดๆ หลายชนิด ในขณะที่ปลาย่างจะแยกมาอยู่อีกฝั่งกับไข่หวานและเป๋าฮื้อนึ่ง ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่สายปลาดิบ กล่องที่สองที่น่าสนใจเรายกให้ Surf and Turf (ราคา 3,500 บาท) กล่องนี้รวมวัตถุดิบเนื้อสัตว์และทะเลไว้ตามชื่อ ประกอบไปด้วย ข้าวยากินิกุด้งเนื้อ A5 กับข้าวหน้าปลาดิบ เคียงข้างมากับล็อบสเตอร์ เป๋าฮื้อนึ่ง และเครื่องเคียงต่างๆ
Makunouchi Bento
นอกจากนี้ยังมี Sushi Bento (ราคา 3,400 บาท) สำหรับคนที่ชอบซูชิ และเซตพิเศษอย่าง Makunouchi Bento (ราคา 3,900 บาท) ที่รวมทุกวัตถุดิบคุณภาพทั้งเนื้อ A5 ขาปูยักษ์ฮอกไกโด ล็อบสเตอร์ ปลาตามฤดูกาล และเป๋าฮื้อนึ่ง ไว้ในกล่องเดียว
Verdict:
จากราคา เทียบกับปริมาณและคุณภาพของวัตถุดิบแต่ละชนิด ถือว่าเป็นดีลที่น่าสนใจมากๆ แถมในระหว่างที่เรายังต้องพึ่งพาบริการเดลิเวอรีอยู่เป็นส่วนใหญ่ กล่องเบนโตะจาก Mono Sei ก็ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ให้รางวัลตัวเอง แถมยังเป็นการทำความรู้จักสไตล์ของเชฟ ก่อนตัดสินใจไปลองกินที่ร้านอีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
โอมากาเสะเบนโตสามารถสั่งได้ผ่านทาง 09 4654 6326 หรือ LINE @monosei ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-18.00 น. โดยจะเริ่มจัดส่งอาหารตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป
อัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางร้าน ตอนนี้หน้าร้านบริเวณชั้น G ของ Intercontinental Hotel ได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีการจำกัดลูกค้าที่สามารถเข้าไปทานในร้านได้ 6 คนเท่านั้น โดยทางร้านได้ทำฉากกั้นแต่ละที่นั่งตามมาตรการของรัฐบาล นอกจากนี้เชฟและพนักงานทุกคนในร้านจะใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย และครอบด้วย Face Shield อีกหนึ่งชั้น จัดวางเจลแอลกอฮอล์ให้บริการภายในร้าน และหลังจากร้านปิด ทางร้านจะทำความสะอาดพื้นที่ด้วยแอลกอฮอล์ทุกวัน รวมถึงการฉาย UV และฉีดฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.monosei.com และ www.facebook.com/MonoSeiOmakase/