CIO ธนาคารไทยพาณิชย์คาด สงครามการค้าโลกระอุอีกครั้งหลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประเมินผลกระทบต่อ GDP ไทย 0.3-0.5%
ชาตรี โรจนอาภา หัวหน้าทีมที่ปรึกษาการลงทุน SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวผ่านรายการ DECODING THE WORLD: ถอดรหัสโลก ของ THE STANDARD ว่า ผลการเลือกตั้งรอบนี้นอกจาก โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งแล้ว พรรครีพับลิกันน่าจะได้เสียงข้างมากทั้ง 2 สภา คือวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นโยบายส่วนใหญ่ที่ทรัมป์เคยหาเสียงไว้ก่อนการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นได้จริง
หนึ่งในนั้นคือเรื่องของกำแพงภาษี ไม่ว่าจะปรับขึ้น 10% หรือ 25% จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และกระทบต่อการค้าโลก
“การค้าอาจจะชะลอตัวและประเทศที่พึ่งพิงการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้น ทำให้อาจกระทบต่อ GDP ไทย 0.3-0.5% หากทรัมป์ทำได้ทั้งหมดตามนโยบายที่หาเสียงไว้” ชาตรีกล่าว
ชาตรีกล่าวต่อว่า สงครามการค้าจะทำให้เกิดความฝืดต่อการค้า แต่ละประเทศอาจไม่สามารถเลือกวัตถุดิบที่ถูกที่สุดได้ เพราะอาจต้องใช้สินค้าบางอย่างของสหรัฐฯ เพื่อต่อรองทางการค้า
ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทรัมป์น่าจะพยายามนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐฯ ทำให้ประเทศอย่างไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย น่าจะถูกเพ่งเล็งในฐานะประเทศที่ได้ดุลการค้าจากการเป็นฐานการผลิตส่งออกไปสหรัฐฯ
“โดยภาพรวมแล้วตลาดเกิดใหม่ยังมีความน่าสนใจในการลงทุน แต่ประเทศที่พึ่งพิงการส่งออกมาก เช่น เวียดนามและไทย น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า ส่วนประเทศที่พึ่งพิงการบริโภคในประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า”
นอกจากนี้นโยบายของทรัมป์มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจกระทบกับการลงทุนในไทย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยก็อาจชะลอการลดดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน
“หุ้นไทยน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,400-1,500 จุด เพื่อรอความชัดเจนนโยบายของทรัมป์ และรอการเติบโตใหม่ๆ ซึ่งยังไม่ชัดเจนนัก แต่ในระยะสั้นความเสี่ยงหุ้นไทยไม่มากนัก เพราะยังมีเม็ดเงินรอลงทุนจากกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง และเงินลงทุนจากกองทุนลดหย่อนภาษี แต่การจะปรับขึ้นต่อยังไม่เห็นสัญญาณบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจมากนัก”