หนึ่งในปัญหาสำคัญของคนจำนวนมากที่ซื้อกองทุนหรือออมเงินในกองทุนหุ้นไทยมาตลอดหลายปี ณ ขณะนี้ คือ การประสบปัญหาขาดทุนหรือเท่าทุน ไม่ว่าจะในรูปแบบ LTF หรือ RMF ก็ตาม เนื่องจากดัชนีหุ้นไทย (SET) ที่ปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,200 จุด ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเมื่อ 10 ปีก่อน ทำให้คำที่ว่า ‘ออมเงินแล้วทยอย DCA (Dollar Cost Average) ในกองทุนไปเป็น 10 ปีแล้วจะมีเงินพร้อมเกษียณ’ อาจไม่เป็นจริงเสมอไป
เพราะกลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA จะเหมาะสมกับสินทรัพย์ที่ระยะยาวอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เมื่อใดที่สินทรัพย์นั้นๆ ปรับตัวลงก็จะเป็นโอกาสการเข้าลงทุนเพิ่ม แต่หากสินทรัพย์นั้นอยู่ในแนวโน้มออกข้าง (Sideway) หรือขาลง (Downtrend) กลยุทธ์ดังกล่าวอาจไม่เหมาะเท่าไรนัก
ซึ่งเหตุผลก็มาจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ชะลอตัว ทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในอนาคตมีโอกาสโตลดลง ดัชนีหุ้นไทยจึงไม่อยู่ในทิศทางขาขึ้นเหมือนดัชนีหุ้นประเทศที่มีบริษัทชั้นนำของโลกจดทะเบียนอยู่อย่างสหรัฐฯ เป็นต้น
ในบทความนี้ทีมงาน THE STANDARD WEALTH รวมรวบ 5 ดัชนีหุ้นของประเทศที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว
โดยเหตุผลหลักของการลงทุนใน 5 ประเทศที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว ได้แก่
– ดัชนี S&P 500: เนื่องจากเป็นดัชนีสหรัฐฯ ที่มีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และเป็น Megatrend ของโลกอยู่ในดัชนี S&P 500 อยู่จำนวนมาก เช่น บริษัทด้าน AI (Artificial Intelligence), EV (Electric Vehicle) หรือ Semiconductor ไม่เพียงเท่านั้น GDP ของสหรัฐฯ ยังเป็นอันดับหนึ่งของโลก พร้อมทั้งยังมีการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วยเช่นกัน
– ดัชนี Hang Seng: เนื่องจากเป็นดัชนีหุ้นที่มีบริษัทขนาดใหญ่ของจีนที่เป็น Megatrend ของโลก อย่าง Tencent, Xiaomi, Alibaba, Baidu และอีกหลายบริษัทชั้นนำ จดทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ จีนยังเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ 1.417 พันล้านคน และ GDP ของประเทศยังมีโอกาสเติบโตในระดับปานกลางได้ในระยะยาว
– ดัชนี VN30: เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแรงงานมีความสามารถด้าน IT ทำให้ GDP มีโอกาสเติบโตในระดับสูงได้อีกหลายปี
– อินเดีย: เนื่องจากอินเดียเป็นอีกหนึ่งประเทศกำลังพัฒนาที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ราว 1.464 พันล้านคน ทำให้มีโอกาสในการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของ GDP ในระดับสูงไปได้อีกหลายปี
– เกาหลีใต้: เนื่องจากเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีบริษัทที่เป็นส่วนสำคัญในซัพพลายเชนของ AI (Artificial Intelligence) และ Semiconductor หลายบริษัท เช่น Samsung, SK hynix และ LG ซึ่งทำให้มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว
โดยดัชนีหุ้นของประเทศเหล่านี้สามารถซื้อขายผ่านกองทุนได้ตามปกติ เช่นเดียวกับการซื้อขายกองทุนของหุ้นไทย
