×

THE THINKER

โดย
04.10.2017
  • LOADING...

อติลา-อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์

AGE: 25

NATIONALITY: Thai-Swiss

TEAM: MOO

 

     อติลา-อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์ ชายหนุ่มวัย 25 ปี ผู้เติบโตทางความคิดด้วย ‘ความอยาก’ เรียนรู้และเข้าใจโลกในแง่มุมต่างๆ เขาสนใจในพุทธศาสนา และเคยบวชที่วัดป่า จังหวัดชัยภูมิ นานเกือบ 5 เดือน เขาไม่นิยมการตัดสินใครหรืออะไรจากภาพลักษณ์ภายนอก แต่ก็สมัครใจก้าวเท้าเข้าสู่การแข่งขันที่ภาพลักษณ์หน้าตาคือส่วนสำคัญหนึ่งของเกม ความขัดแย้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุผล ทำให้ตัวตนของเขามีมิติ ลุ่มลึก และน่าสนใจมากทีเดียว

 

ชื่ออติลามีที่มาหรือเปล่า

     เป็นชื่อกษัตริย์ที่ไปรบกับโรมันครับ เป็นภาษาตุรกี คือกลุ่มเจงกีสข่านที่ขี่ม้าไปถึงยุโรป เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้พวกโรมัน ซึ่งตอนแรกเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุดต้องสะเทือน

 

 

อติลาเป็นลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์-ไทย

     พ่อผมเป็นคนสวิตเซอร์แลนด์ครับ แม่เป็นคนไทย ผมเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ อยู่ที่นั่นจนถึง 4 ขวบ แล้วย้ายมาเรียนที่ภูเก็ตตอน 7 ขวบ ก็ย้ายกลับไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ จนอายุ 19 ถึงกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง

 

ได้ยินมาว่าคุณเลือกที่จะยังไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย

     ผมค้นพบว่า เรายังไม่รู้ว่าจะทำอะไร เมื่อยังไม่รู้ แล้วเราจะเลือกเส้นทางเส้นหนึ่งที่มันจะถูกใจ และมีประโยชน์ต่อชีวิตเราในอนาคตได้อย่างไร พอดีมีคนเสนอให้ลองมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เผื่อมีโอกาสเป็นนายแบบ ผมคิดว่าน่าจะดีที่จะได้
ลองอะไรใหม่ๆ ตอนนี้ก็อยู่เมืองไทยมา 5 ปีแล้วครับ

 

ดูคุณจริงจังมากเรื่องมุมมองต่อภาพลักษณ์ภายนอก

     ผมไม่อยากให้คนตัดสินผมจากรูปร่างหน้าตา ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะผมมาประกวด The Face แต่สุดท้ายผมก็เข้าใจ ผมรู้กติกาของเกม ภาพลักษณ์อาจเป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรโฟกัสตรงนั้นมากไป ถ้าใครมาพูดว่าทำอันนั้นดีหรือไม่ดี แล้วเราไปยึดติดกับมันมากเกิน เราจะเสียใจ ทุกคนมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป เราไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปเปลี่ยนมุมมองเขา

 

 

สมัยเด็กคุณเป็นคนแบบไหน ได้ยินว่าคุณดื้อมากๆ

     เป็นเด็กที่ไม่มีกรอบ พ่อแค่สั่งสอนอยู่ตลอดว่าลองทำดูได้ แต่เจ็บนะ คือปล่อยให้ทำ แต่ก็จะมาเตือนว่าให้ระวัง พ่อบอกว่าอยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าทำให้คนอื่นลำบาก อย่าให้พ่อต้องไปเอาตัวออกมาจากสถานีตำรวจ (หัวเราะ) คือให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเอง

     4-7 ขวบ ผมโตที่ภูเก็ต บ้านผมอยู่หาดป่าตองซึ่งใกล้ภูเขา ผมก็วิ่งไปวิ่งมา ไปหาชาวบ้าน ไปทุ่งนา จับปลากัด โดนปลิงกัด ขโมยไก่พ่อไปชนกับไก่ชาวบ้าน คือใช้ชีวิตแบบเด็กต่างจังหวัดจริงๆ แค่หน้าตาเป็นฝรั่ง พอย้ายไปเมืองนอก ก็อิสระเหมือนกัน ผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไร

 

ก่อนมาแข่ง The Face Men Thailand เป็นนายแบบอยู่แล้วใช่ไหม

     ก็มีเดินแบบถ่ายแบบอยู่แล้ว แต่ไม่ได้จริงจังมาก แค่ลองหาประสบการณ์ เพราะเรายังไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่มีเป้าหมายในชีวิต เมื่อเรายังไม่มีเป้าหมายในชีวิต ต่อให้เรามีความคิดดีๆ อะไรสักอย่างเข้ามาในชีวิต ก็ไม่เกิดผลอะไร เพราะเรายังไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปสู่อะไร

 

ตอนนี้รู้หรือยัง

     รู้แล้วครับ ผมอยากสอนกังฟูครับ ผมฝึกมา 6-7 เดือนแล้ว การเข้าคลาสแต่ละครั้งมันสอนปรัชญา ความคิด และการเผชิญความกลัวของเรา ผมสังเกตตัวเองตอนเรียนกังฟูว่ามันทำให้ผมรู้ว่าผมโคตรกลัวสังคมเลย กลัวคนจะตัดสินเรา กลัวว่าถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นแล้วไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์อย่างไร แต่มวยจีนสอนผมว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม แค่เห็นเส้นทางที่จะพาเราออกไป

 

มันมากกว่าการฝึกกระบวนท่าและทักษะการปฏิบัติ

     มันสอนให้ผมเติบโตภายใน สอนให้โฟกัสกับอะไรสักอย่าง ก้าวหน้าไปอย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกอย่างในชีวิตมันเป็นเรื่องของความก้าวหน้า ตอนนี้ผมก็ยังเรียนอยู่ ผมไม่ปล่อยแน่นอน ผมยอมทิ้งอาชีพนายแบบ ผมยอมไม่เอาตำแหน่งผู้ชนะ The Face ก็ได้ ผมพูดจริงๆ เลย

 

กังฟูสอนให้คุณเอาอะไรมาใช้ในการแข่งขันนี้บ้าง

     ช่วยเรื่องความมั่นใจ ความแน่ใจที่เราจะทำอะไรสักอย่าง ตอนที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สมองเราต้องไวทันที ต้องทำเลย 5 4 3 2 1 แล้วต้องพลิกเลย ต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้เอาตัวรอด

 

คล้ายว่ากังฟูทำให้คุณได้เจอ Peace of Mind

     ใช่ครับ ผมค้นหามาตลอด ก่อนที่ผมจะเจอกังฟู ผมไปบวชมาด้วย เหตุผลที่ผมไปบวชคือ ผมยังค้นหาความสงบและเป้าหมายของชีวิตอยู่ แต่ประเด็นคือ ความอยากที่จะค้นหา ความอยากที่จะรู้มันทำให้การไปบวชของผมในครั้งนั้นมันไม่บริสุทธิ์ใจที่จะเรียนรู้ เพราะในทุกๆ วันที่ผมตื่นมา ผมอยากจะสงบ การอยากทำให้เกิดตัณหา แต่ผมก็ได้อะไรจากการบวชเยอะมาก

 

ยังคงเรียนรู้พุทธศาสนาอยู่

     จริงๆ ผมมีเป้าหมายว่า ผมจะอยู่ในวงการไม่เกิน 5 ปีครับ การเข้าสู่วงการบันเทิงของผมเป็นแค่ขั้นตอนระหว่างที่ผมจะกลับไปบวชใหม่ ซึ่งผมจะทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด คือผมยังไม่เคยสำเร็จกับชีวิตทางโลก และเมื่อถึงไปจุดสูงสุด ผมจะกลับไปที่ศาสนา อย่างไรก็ตามก็จะกลับไปบวชครับ

 

 

ประสบความสำเร็จทางโลกของอติลาหมายถึงอะไร

     การเป็นดาราไม่ได้หมายความว่าประสบความสำเร็จ แต่การที่คนกำลังจ้องเราอยู่ รอฟังในสิ่งที่เราจะพูด มันเป็นโอกาสที่ดีมากในการส่งบทเรียน ความรู้ หรือสิ่งที่ทำให้คนคิด ผมโพสต์ภาพงูกับตุ๊กแกในอินสตาแกรม คนตกใจ และถกเถียงกัน แต่เมื่อเขาได้อ่านที่ผมเขียน ภาพง่ายๆ ก็ทำให้เกิดปัญญา เกิดความคิด ส่งต่อกัน ผมคิดว่าผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้  

 

คุณอยากส่งต่อความคิดให้คนรุ่นใหม่หรือใครก็ตามที่ได้อ่าน แต่โลกยุคนี้คนมักหลงกับภาพและวัตถุนิยม คุณคิดอย่างไร

     ผมมองว่ามันเกี่ยวข้องกับการศึกษามาก นี่เรากำลังพูดถึงอะไรที่มันเปลี่ยนไม่ได้ภายใน 20 ปี พูดแบบนี้เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดว่าผมว่าการศึกษาไม่ดี คือการที่เด็กไม่มีความคิด มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเด็ก มันเกิดขึ้นเพราะการนำเสนอ คุณนำเสนออะไรให้เขา นำเสนอให้เกิดปัญญาหรือเปล่า หรือคุณแค่บอกว่าอะไรถูกอะไรผิด

 

แต่ระบบการศึกษาก็ไม่ได้สอนให้เด็กยึดติดกับวัตถุนะ

     มันพูดยากครับเรื่องนี้ ตอนผมคุยกับคนที่จบการศึกษามหาวิทยาลัยในประเทศไทยบางคน ผมรู้สึกว่าเขายังไม่มีแนวทาง หรือแนวคิดอะไรเลย ผมรู้สึกว่าพวกคุณเรียนรู้อะไรมา แต่ผมก็ยังกลัวว่าการที่ผมเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แล้วพวกคุณจะมองว่าผมไม่มีแนวคิด ในขณะที่คุณคิดว่าคุณเรียนจบ คุณมีอีโก้อยู่เหนือกว่าคนอื่น สังคมนำเสนอมาอย่างนี้

     สิ่งที่ผมสังเกตว่าเกิดขึ้นเยอะมากเมื่อได้คุยกับคนในประเทศไทย คือมีการชี้ผิดชี้ถูก ทั้งที่มุมมองของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ก็อยากชวนทุกคนว่าเปิดใจรับฟังความคิดเห็นคนอื่นก่อน ก่อนจะตอบโต้ออกไปเลยว่าฉันคิดแบบไหน ถ้าเปิดใจรับฟังก็อาจได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ถ้าเราปัดมันออกไปตั้งแต่แรก เราก็จะไม่ได้ความรู้อะไรเลย

 

เรื่อง ยศยอด คลังสมบัติ, นิธินาฏ ปุโรทกานนท์

ภาพ นวลตา วงศ์เจริญ

สไตลิสต์ ฐิติกาญจน์ กาญจนภักดี

ผู้ช่วยช่างภาพ ณภัทร ศิริสินชุติเดช

ช่างแต่งหน้า บุศย์รินทร์ หวังวิศาล

ช่างทำผม หฤษฏ์ ปัญญาอ้าย

เสื้อผ้า Leisure Project Store, P.MITH

สถานที่ Sonder Living Thailand

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X