‘The Dispensary by Taratera’ บาร์กัญชาโทนขรึมที่ไม่เน้นเสพเพื่อบันเทิง แต่เน้นรักษาเป็นแพทย์ทางเลือก

“กัญชาไม่ได้รักษามะเร็ง แต่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างการเป็นมะเร็งดีขึ้น” กาจกนิษฐ์ ศักดิ์สุภา

หลังกฎหมายปลดล็อกกัญชา-กัญชง มีผลบังคับใช้ เราเริ่มเห็นผู้ประกอบการหลายคนออกมาขายผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ทั้งน้ำ อาหาร ขนม รวมไปถึงการขายยอดดอกเพื่อสูบด้วย ในบรรดาร้านทั้งหมดมีช็อปหนึ่งที่เราว่าน่าสนใจ เพราะนอกจากจำหน่ายกัญชาหลายสายพันธุ์แล้ว ทางร้านยังเน้นย้ำเสมอว่า จุดเริ่มต้นของเขาไม่ใช่กัญชาเพื่อการสันทนาการ แต่เป็นเพื่อการแพทย์เป็นสำคัญ

เจม กาจกนิษฐ์ เจ้าของร้าน

The Dispensary by Taratera บาร์กัญชาธีมเขียว-ดำ ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตึกบริเวณปากทางเข้าศาลาแดง ซอย 1 บาร์กัญชาบรรยากาศสบายๆ คล้ายคาเฟ่เท่ๆ เน้นจำหน่ายยอดดอกหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์จากเขตร้อนและหนาว ซึ่งมีรสชาติและคุณสมบัติแตกต่างกันไป แม้เปิดเพียงไม่นาน แต่ก็มีลูกค้าไม่ขาดสาย ซึ่ง ‘เจม-กาจกนิษฐ์ ศักดิ์สุภา’ เจ้าของบาร์ เล่าให้เราฟังว่า แวะเวียนมาทั้งวัน มีทั้งชาวต่างชาติและคนไทย

“ที่นี่เรามี Budtender ที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ทางเลือกเป็นคนจ่ายกัญชา เรามีกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ และจำกัดการซื้อให้เลือกอยู่ 2 ขนาด คือ 1 กับ 3 กรัมเท่านั้น ลูกค้าของเราหลายคนเป็นคนต่างชาติที่มีใบสั่งแพทย์ และก็มีคนไทยด้วยเช่นกัน บางคนมาซื้อเพื่อให้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง บางคนก็มาซื้อเพราะหลับยาก เป็นโรคนอนไม่หลับ

“ด้วยความที่จำหน่ายเพื่อการรักษา เราจำหน่ายในปริมาณไม่มากครับ อัตราการใช้กัญชาต่อคนไม่ควรเกิน 1 วัน ต่อ 1 กรัม ฉะนั้นก่อนซื้อเราจะถามถึงอาการ ความเชี่ยวชาญ จุดประสงค์ของการใช้ ก่อนคำนวณขนาดที่สมควรและจำหน่าย”

จุดเริ่มต้นของ The Dispensary by Taratera ไม่ใช้กัญชาบาร์ที่ตั้งขึ้นเพื่อหวังผลกำไรอะไรมากนัก เพราะอีกด้านหนึ่งของ เจม กาจกนิษฐ์ เขายังควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธาราเธรา คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งดูแลเรื่องวิจัยและปลูกกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยร่วมลงทุนการวิจัยเรื่องกัญชากับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เพื่อใช้ในการแพทย์ทางเลือก ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“ผมเริ่มต้นสนใจกัญชาจริงจังก็ตอนที่คุณพ่อเป็นมะเร็ง การรักษาด้วยเคมีบำบัดทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง พ่อของผมย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเจ็บปวด ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ เครียด เราพยายามลองหลายหนทางมาก แต่สุดท้ายมาจบที่กัญชา ตอนแรกคุณพ่อก็ไม่เห็นด้วยเท่าไร แต่เขาก็รู้ดีว่าสภาพร่างกายเขาไม่ไหวเหมือนกัน เราเริ่มหากัญชาจากใต้ดินมาลองก่อนในปริมาณน้อย พ่อผมเป็นแพทย์ด้วย เขาพอรู้สรรพคุณและลองจ่ายยาให้ตัวเอง ผลปรากฏว่าคุณภาพชีวิตระหว่างรักษาดีขึ้น กัญชาอาจไม่ได้รักษามะเร็ง แต่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างการเป็นมะเร็งดีขึ้น”

บรรยากาศด้านในของ The Dispensary by Taratera ละม้ายคล้ายคลึงกับคาเฟ่ยุคใหม่ผสมกับร้านขายยาจีนแผนโบราณ บนบาร์ไม้สีเข้มมีโหลกัญชาขนาดเล็กวางเรียงตั้งไว้ให้ลูกค้าซื้อและศึกษาได้ ใกล้กันเป็นเมนูกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งตอนนี้มีจำหน่ายทั้งหมด 22 ชนิด ทั้งแบบอ่อนเบาสบายไล่ไปจนถึงตัวแรง แม้ถูกเรียกว่าบาร์กัญชา แต่ที่นี่เพียงจำหน่าย ทางร้านไม่รับม้วน แปรรูป หรือว่าอนุญาตให้ลูกค้าใช้กัญชาภายในร้านได้

“ตั้งแต่เปิดเสรีมา มีลูกค้าสนใจบาร์กัญชาเยอะมาก บางคนแค่แวะเวียนมาถามหาความรู้ เขารู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่ บางคนก็เขามาปรึกษาเรื่องอาการป่วยของตัวเองและคนรอบข้าง สำหรับมือใหม่ ผมแนะนำเลยว่าให้เริ่มสูบก่อนกิน อย่าทดลองด้วยตนเอง และมาปรึกษาเราดีกว่า กัญชามีหลายชนิด หลายความแรง หลายคุณสมบัติ ซึ่งแต่ละตัวเหมาะกับการรักษาต่างกัน มันอาจดูเหมือนกันในองค์รวม แต่ต่างกันในรายละเอียด อย่างบางคนไม่เคยลองกัญชาเลย เขาไม่รู้ว่ากัญชาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ตนเองสูบไปได้สักชั่วโมง ทีนี้ระหว่างชั่วโมงที่รอเขาก็สูบไปเรื่อยๆ เพราะไม่เห็นออกฤทธิ์สักที พอฤทธิ์กัญชาเริ่มออกมันก็เลยบูม กลายเป็นเกินขนาด ร่างกายก็ตกใจ”

ในอนาคตเจมมองว่าการปล่อยเสรีกัญชาเพื่อการแพทย์เป็นเรื่องดี แต่ก็ยังอยากให้มีการควบคุมเพื่อใช้ทางการแพทย์อย่างเข้มงวด ประชาชนควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับกัญชา เพื่อป้องกันการใช้ยาเกินขนาด หรือการใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร อีกทั้งยังอยากให้มีการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างหน่วยงานรัฐ ผู้ใช้ และผู้ออกกฎหมายด้วย เพื่อความเข้าใจตรงกันมากที่สุดว่าสามารถนำมาใช้ภายใต้เงื่อนไขใดได้บ้าง และจำกัดในปริมาณที่เท่าไร

“แม้ว่ามีการเปิดให้ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่สมุนไพรชนิดนี้ก็ยังนำไปสู่การเสพติดได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่หน้าที่รัฐที่ต้องเข้ามาควบคุมเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ใช้เองก็ต้องใช้อย่างมีสติ”

The Dispensary by Taratera เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-19.00 น. ช็อปนี้เป็นเพียงป๊อปอัพสโตร์เท่านั้น และตอนนี้ทางบาร์กำลังมองหาสถานที่ใหม่ ฉะนั้นหากจะแวะไปเยี่ยมเยียน อย่าลืมเช็กสถานที่ตั้งให้ดี เพราะบาร์อาจเคลื่อนย้ายหนีคุณไปแล้วก็ได้