TASTE: ถ้าใจถึง ปารีสก็แค่เอกมัย! จิบชาแกล้มแซนด์วิชมื้อบรันช์ที่ Paris Mei

Paris Mei คือคาเฟ่และร้านชำสไตล์ฝรั่งเศสในซอยสุขุมวิท 42/1 ที่เกิดจากความชอบของ เม-อนุสรา หุ่นช่างทอง และ ไนซ์-ปาริชาติ ศรีหมาน เมื่อเดินทางไปต่างประเทศแล้วพบเจอองค์ประกอบและดีเทลน่ารักระหว่างการเดินทางและแวะคาเฟ่ ประกอบกับก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ร้านอบขนมฝรั่งเศสเจ้าดังที่มีลูกค้าหลักเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแถวหน้าของกรุงเทพฯ ทำให้เห็นความพิถีพิถันและเสน่ห์ของขนมอบฝรั่งเศส เลยเกิดไอเดียอยากทำร้านเล็กๆ บรรยากาศเหมือนไปนั่งชิลและกินข้าวที่บ้านเพื่อนขึ้นมา

ที่นี่เสิร์ฟอาหารบรันช์สไตล์คอมฟอร์ตที่เน้นใช้วัตถุดิบคุณภาพ เรียบง่าย แต่ได้รสชาติไม่ธรรมดา อย่าง Granola, Jambon Beurre หรือบาแกตต์ไส้ปารีสแฮม และเสิร์ฟเพียงชาเท่านั้น ไม่มีกาแฟ

สิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างก่อนมาคือ ต้องจองโต๊ะล่วงหน้าเท่านั้น งดวอล์กอิน เพราะร้านมีเพียง 2 โต๊ะ โดยเริ่มรอบแรกเวลา 07.00 น. และรอบสุดท้ายเวลา 16.00 น. แต่ละรอบสามารถนั่งกินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง ชิลได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาต่อคิวกดดัน

คาเฟ่และร้านชำสไตล์ฝรั่งเศสไม่ใช่เรื่องใหม่ของแวดวงอาหารในกรุงเทพฯ แต่จะมีสักกี่ร้านที่ขายเฉพาะอาหารคอมฟอร์ตง่ายๆ ไม่กี่อย่าง แต่คุณภาพคับจาน และเสิร์ฟเฉพาะชา ปฏิเสธที่จะขายกาแฟโดยสิ้นเชิง ไหนจะต้องโทรจองร้านก่อนมา เพราะไม่รับวอล์กอินทุกกรณี เรากำลังพูดถึง Paris Mei บรันช์สปอตเล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 42/1

เม-อนุสรา หุ่นช่างทอง และ ไนซ์-ปาริชาติ ศรีหมาน ผู้อยู่เบื้องหลัง Paris Mei เล่าถึงที่มาของร้านนี้ซึ่งเกิดจากการไปต่างประเทศแล้วพบเจอองค์ประกอบและดีเทลน่ารักระหว่างการเดินทางและแวะคาเฟ่ ประกอบกับก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ร้านอบขนมฝรั่งเศสเจ้าดังที่มีลูกค้าหลักเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งแถวหน้าของกรุงเทพฯ ทำให้เห็นความพิถีพิถันและเสน่ห์ของขนมอบฝรั่งเศส เลยเกิดไอเดียอยากทำร้านเล็กๆ บรรยากาศเหมือนไปนั่งชิลและกินข้าวที่บ้านเพื่อนขึ้นมา

จึงได้ทีรีโนเวตตึกแถวชั้นล่างที่เป็นของครอบครัวให้กลายเป็นลิตเติลปารีสระหว่างเอกมัยกับพระโขนง ส่วนที่มาของชื่อร้านได้มาจากเพลง Paris Mai แต่ปรับตัวสะกดให้เป็น Mei เพื่อให้คนอ่านได้ง่ายขึ้น และพ้องกับชื่อเล่นคุณเมนั่นเอง

โปรเจ็กต์รีโนเวตตึกแถวให้เป็น Paris Mei ใช้เวลาร่วมปี เนื่องจากติดช่วงโควิดพอดี และเมื่อทำร้านเสร็จเปิดได้เพียง 3 วันก็ต้องปิดอีกรอบเพราะล็อกดาวน์ จนได้โอกาสกลับมาเปิดอีกครั้ง บรรยากาศอบอุ่น มีเพลงเปิดคลอเบาๆ สไตล์การแต่งร้านแบบมิกซ์แอนด์แมตช์จากของสะสมส่วนตัว ตั้งแต่หน้าร้านที่มีตะกร้าปิกนิกห้อยเรียงราย และมีม้านั่งเผื่อใครอยากนั่งด้านนอกหรือหามุมถ่ายรูป

เลื่อนประตูเข้าไปคือโต๊ะไม้ 2 ตัว เคาน์เตอร์และครัวเปิดเล็กๆ ฝั่งซ้ายมีชั้นวางแก้วและตู้เก็บจานชามวินเทจ พร้อมด้วยมุมขายเนเชอรัลไวน์ กราโนลาโฮมเมดแบรนด์ Emilee และถ้วยกาแฟลายพิเศษของร้าน

ใครช่างสังเกตจะต้องเห็นว่ามีตู้ไม้ที่เต็มไปด้วยลิ้นชักเล็กๆ ซึ่งเป็นตู้เก็บชาของทางร้าน โดยดัดแปลงมาจากตู้เก็บยาสมุนไพรเก่า ส่วนโต๊ะเก้าอี้ไม้ทั้งสองขับรถไปเจอที่สุพรรณบุรี เห็นว่าน่ารักและเหมาะกับร้านเลยขนกลับมาทั้งหมด

กฎเหล็กที่ต้องทราบก่อนมา Paris Mei คือต้องจองโต๊ะล่วงหน้าพร้อมโอนค่ามัดจำ วอล์กอินหมดสิทธิ์ เพราะร้านมีเพียง 2 โต๊ะ โดยเริ่มรอบแรกเวลา 07.00 น. และรอบสุดท้ายเวลา 16.00 น. แต่ละรอบสามารถนั่งกินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง ชิลได้โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาต่อคิวกดดัน

ก่อนที่จะสั่งอาหารลองพลิกดูลิสต์ชาแล้วจิ้มสักกลิ่นมาลองกัน ที่นี่ใช้เฉพาะใบชาป่าที่ขึ้นตามป่าเขาจากเชียงใหม่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องชาชาวฝรั่งเศสเป็นผู้เบลนด์ชาให้เข้ากับผลไม้และสมุนไพรต่างๆ ใบชาที่ได้จึงมีคุณภาพสูง สามารถทัดเทียมชานอกได้เลย ชาทุกประเภทสามารถเสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น แต่แนะนำให้ดื่มร้อนดีกว่า เพราะจะได้เข้าถึงโปรไฟล์กลิ่นและรสของใบชาได้ดีที่สุด ลองสั่ง Jasmin Green (150 บาท) ชาเขียวเบลนด์กับดอกมะลิแห้ง กลิ่นหอมจางๆ ยิ่งช่วยเพิ่มความสุนทรีระหว่างมื้ออาหารได้ดี ถ้าอยากลองชาเสิร์ฟเย็น Riz Gluant (150 บาท) ดูจะตอบโจทย์ เพราะเบสเป็นชาเขียวที่เบลนด์กับมะม่วง มะพร้าว และใบเตยแห้ง ให้สัมผัสของผลไม้ทรอปิคัล เติมน้ำเชื่อมเล็กน้อย จิบเพลินแน่นอน

เริ่มต้นบรันช์ด้วย Granola (195 บาท) กราโนลาโฮมเมดแบรนด์ Emilee ของคุณเม เป็นกราโนลาสไตล์ฝรั่งเศส ผสมเมล็ดแฟล็กซี้ด อัลมอนด์ งาดำ และแครนเบอร์รีอบแห้ง ท็อปด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติกับสตรอว์เบอร์รีผลโตไว้กินตัดรสชาติ

คำกล่าวที่ว่าถ้าใช้วัตถุดิบที่ดี ทำอะไรก็อร่อยแบบไม่ต้องปรุงอะไรให้ซับซ้อน คงจะไม่เกินจริง Jambon Beurre (190 บาท) ขนมปังบาแกตต์ทำเองหั่นครึ่ง หั่นเนยจืดฝรั่งเศส AOP ชิ้นหนาๆ แล้วโปะปารีสแฮม เป็นอันเสร็จพิธี ไม่ต้องมีซอสหรือโรยเกลือเพิ่มเติม แม้จะดูเรียบง่าย แต่รสชาติต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ

ใครอยากอิ่มแบบเป็นเซ็ตลองสั่ง Couple Set (285 บาท) ประกอบด้วยไส้กรอกหมูชิ้นโตย่างหอมๆ มะเขือเทศย่าง ถั่วขาวใน และซอสมะเขือเทศ จากนั้นตอกไข่ตรงกลาง เสิร์ฟในกระทะร้อน กินคู่กับขนมปังซาวร์โดที่มาพร้อมเนย แยมพีช และแยมสตรอว์เบอร์รี

ตบท้ายมื้อขอเป็นขนมปังอีกสักเมนู Burnt Butter Toast (150 บาท) ขนมปังเนื้อนุ่มนาบกระทะที่ชุ่มด้วยเนยจืดกับน้ำตาลทรายแดงคาราเมลไลซ์ จนความหวานและมันของเนยน้ำตาลซึมเข้าขนมปัง กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกมาแต่ไกล กินสลับกับชาเข้ากันสุดๆ

ก่อนกลับทางร้านบอกว่าอีกไม่นานจะเปิดรอบดินเนอร์ที่รับเพียงวันละ 1 กรุ๊ปเท่านั้น ส่วนไอเดียเดลิเวอรีกำลังแพลนทำปิกนิกเซ็ตที่มีแซนด์วิช ชาเย็น พร้อมตะกร้า โต๊ะเล็ก และเก้าอี้ ส่งตรงถึงสวนสาธารณะในเมือง เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งชิลรับลมธรรมชาติพร้อมของกินแกล้มกรุบกริบ อดใจรออีกนิด แล้วอย่าลืมติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Instagram ร้าน https://www.instagram.com/paris__mei