×

เทรนด์เครื่องสำอางเปลี่ยน-แข่งขันสูง ศรีจันทร์นำแบรนด์ sasi ดึง BT21 ออกโปรดักต์ใหม่กระตุ้นยอดขายปลายปี ย้ำปี 66 ธุรกิจตั้งรับความเสี่ยงรอบด้าน

28.11.2022
  • LOADING...
ศรีจันทร์

ศรีจันทร์นำทัพแบรนด์ sasi ดึง BT21 เปิดตัวโปรดักต์ใหม่กระตุ้นยอดขายปลายปี พร้อมเปิดแผนปี 2566 เน้นตั้งรับความเสี่ยงรอบด้าน พร้อมรักษากระแสเงินสด รัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย และรับมือต้นทุนพุ่ง ย้ำยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้า

 

รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด กล่าวว่า วิกฤตโควิดมีผลให้อุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอางซบเซามากว่า 2 ปีเต็ม ปัจจุบันมีมูลค่าราวๆ 1.6 แสนล้านบาท และคาดการณ์ว่าปี 2566 จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในตัวเลขหนึ่งหลัก เห็นได้จากเมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย คนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแต่งหน้าและแต่งตัวออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน

 

ทำให้แบรนด์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างเร่งเปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ๆ เพื่อรุกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งท้ายของปี ต้องยอมรับว่าเป็นการอัดอั้นมาจากช่วงโควิด

 

สิ่งที่ตามมาคือการแข่งขันสูง หลักๆ จะแข่งกันในแง่ของคุณภาพสินค้า ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เทคนิคการตลาด การโฆษณา ช่องทางขาย และราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

 

อีกด้านหนึ่งจะเห็นว่าเทรนด์การใช้เครื่องสำอางเปลี่ยนไปมาก กระแสของดารา ศิลปิน หรือแม้กระทั่งซีรีส์เกาหลี มีผลต่อพฤติกรรมการแต่งหน้า การเลือกใช้เครื่องสำอาง คล้ายๆ กับเสื้อผ้า แต่อาจไม่ได้เปลี่ยนเร็วเหมือนเสื้อผ้า

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจศรีจันทร์สหโอสถยอดขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นถ้าเทียบกับปีที่แล้ว คาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 40% หรือทำรายได้ 7 ร้อยล้านบาท ถ้าเทียบกับปีที่แล้วที่ทำรายได้เพียง 5 ร้อยล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นแบรนด์ศรีจันทร์ 70% และแบรนด์ sasi 30% ซึ่งหลักๆ มาจากปัจจัยของกำลังซื้อเริ่มกลับมา ทำให้บรรยากาศการจับจ่ายมีความคึกคักมากขึ้น โดยตั้งเป้าในระยะ 2 ปีจะสามารถทำยอดขายได้แตะ 1 พันล้านบาท 

 

รวิศกล่าวต่อว่า ยอดขายไม่ได้ลดมาก แต่ในทางกลับกันต้นทุนพุ่งขึ้นสูง ทั้งวัตถุดิบ แพ็กเกจจิ้ง ขนส่ง และพลังงาน จึงค่อนข้างกังวลระบบซัพพลายเชน เพราะวัตถุดิบเครื่องสำอางนำเข้ามาจากหลายประเทศ รวมถึงจีนด้วย บางครั้งสินค้าขาดตลาด ตลอดจนมีการปรับขึ้นราคา รวมถึงปัจจัยค่าเงิน เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เพราะตั้งแต่ทำงานมากว่า 10 ปี ยังไม่เคยเจอ 

 

โดยรวมแล้วต้นทุนทั้งหมดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 15% สร้างแรงกดดันให้ธุรกิจ ขณะนี้ยังไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าแม้กำไรจะลดลง พยายามมุ่งลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมทั้งหาแนวทางประหยัดค่าขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด 

 

สำหรับทิศทางและกลยุทธ์การทำตลาดต่อจากนี้ บริษัทมุ่งให้ความสำคัญกับการทำตลาดและเพิ่มสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอาง สกินแคร์ รวมถึงสินค้าอื่นๆ ในกลุ่มบอดี้แคร์ โดยใน 1 ไตรมาสจะมีการออกโปรดักต์ใหม่ 1 ชุด สลับกันทั้งแบรนด์ศรีจันทร์และ sasi เน้นกลุ่มแป้ง รองพื้น และกันแดด เป็นหลัก เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวในตลาด และเพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงจากการพึ่งพายอดขายจากสินค้าเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

 

หากย้อนกลับไป 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าของแบรนด์ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กมัธยม มหาวิทยาลัย และวัยทำงาน จากนี้จึงต้องการขยายให้กว้างขึ้นเพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ด้วย ที่สำคัญการทำตลาดสมัยนี้ต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจน  

 

ล่าสุดแบรนด์ sasi จับมือกับ LINE FRIENDS ดึง BT21 ประกอบด้วย KOYA, RJ, SHOOKY, MANG, CHIMMY, TATA, COOKY และ VAN มาอยู่บนสินค้าคอลเล็กชันใหม่ ‘sasi with BT21 Shining Star’ มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 8 กลุ่ม รวม 27 รายการ ชูจุดขายราคาเข้าถึงง่าย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เชื่อว่าจะสามารถผลักดันยอดขายช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

 

นับเป็นครั้งแรกของแบรนด์ sasi ที่นำคาแรกเตอร์ใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้กับแบรนด์ เพราะวันนี้แบรนด์มีอายุมากขึ้นตามวัย ดังนั้นต้องรีแบรนด์อยู่ตลอดเวลา เพราะเราอยู่ในตลาดแฟชั่น จะหยุดนิ่งไม่ได้ 

 

ด้านธุรกิจส่งออกยังน้อยซึ่งอยู่ราว 5% หลักๆ จะเป็นแบรนด์ศรีจันทร์ ปัจจุบันส่งออกไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น และ สปป.ลาว ในช่วงโควิดเราบาดเจ็บพอสมควร จะขยายธุรกิจต้องระวังอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งออกต้นทุนค่อนข้างสูง ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม 

 

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยและภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว แต่ธุรกิจยังอยู่บนความไม่แน่นอน สงครามยังไม่จบ ประเมินว่าในปี 2566 ยังเป็นปีที่ต้องตั้งรับอีกหนึ่งปี 

 

ดังนั้นบริษัทเราจะไม่ทำอะไรที่มีความเสี่ยง เพราะไม่รู้ว่าเลยว่าปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งสำคัญคือต้องรักษากระแสเงินสดและรักษาฐานลูกค้า เชื่อว่าในปี 2567 ทุกอย่างน่าจะเริ่มดีขึ้นและอาจได้เห็นโปรเจกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นแน่นอน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising