×

เมื่อ ‘เป้าหมายสีเขียว’ และ ‘เป้ายอดขาย’ ไม่สอดคล้องกัน เปิดช่องโหว่นโยบาย สิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมแฟชั่น

20.09.2022
  • LOADING...

กลยุทธ์ที่บริษัทแฟชั่นหลายแห่งนิยมใช้เพื่อขยายการเติบโตคือ ‘การผลิตเพิ่ม’ อย่างไรก็ตาม การใช้ทรัพยากรแบบไม่จำกัด และกระบวนการผลิตต่างๆ กลับทำร้ายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก และกลายเป็นช่องโหว่ในการผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมแฟชั่น

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทค้าปลีกในวงการแฟชั่นได้ประกาศมาตรการด้านความยั่งยืนออกมามากมาย โดยแทบทุกบริษัทล้วนมีแผนการหรือวางแผนเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์มากขึ้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


โดยความคิดริเริ่มเหล่านี้ทำให้คำศัพท์ ‘การหมุนเวียน’ (Circularity) ได้รับความนิยมอย่างมาก และทำให้เกิดการคำนวนคาร์บอนฟุตพรินต์ครั้งใหญ่

 

ทั้งนี้ ตามข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ (UN) แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก 2-8%

 

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ การหารือเกี่ยวกับจำนวนสินค้าที่บริษัทต่างๆ ควรผลิตเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมยังเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ในทางกลับกัน การหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อทำให้ธุรกิจแฟชั่นขยายตัวกลับมีอยู่มากมาย

 

H&M บริษัทค้าปลีกแฟชั่นจากสวีเดนได้ให้คำมั่นว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 56% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับระดับปี 2019 และได้รับ ‘B’ จากการเปิดเผยข้อมูลสภาพอากาศในปี 2564 จาก CDP ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร

 

นอกจากนี้ H&M ยังพยายามลดการใช้น้ำและพลาสติก รวมถึงพึ่งพาวัสดุรีไซเคิลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ไม่แน่ว่าจะช่วยโลกได้จริงไหม เนื่องจาก H&M ผลิตเสื้อผ้าประมาณ 3 พันล้านชิ้นต่อปี ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนที่ต้องการให้ H&M เอาชนะคู่แข่งบริษัทอื่นๆ ได้ 

 

ขณะที่ Elisa Niemtzow รองประธานฝ่ายผู้บริโภคและสมาชิกระดับโลกของ BSR ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์มักกล่าวว่า ‘เป้าหมายด้านสภาพอากาศ’ และ ‘กลยุทธ์การขยายธุรกิจ’ เป็นเป้าหมายที่ขัดแย้งกัน กล่าวคือ การดำเนินกลยุทธ์ทั้งสองอย่างควบคู่กันอาจทำให้เป้าหมายไม่ประสบความสำเร็จได้ หรืออาจเป็นไปได้สำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเดียว แต่ไม่ใช่สำหรับการลดใช้ทรัพยากร และถึงแม้จะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้มากนัก

 

อย่างไรก็ตาม บางบริษัทอย่างเช่น Gucci สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 15% เมื่อเทียบกับระดับปี 2019 แม้ว่าบริษัทกำลังพยายามกระตุ้นยอดขายไปด้วย ตามรายงานของ Business of Fashion

 

สำหรับตัวอย่างทางเลือกอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดการขยายตัวสูงสุด การผลิตสินค้าน้อยลงแต่มีคุณภาพสูงขึ้น และการทำให้สินค้าคงคลังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

 

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจใหม่ผุดขึ้นมา เช่น การขายต่อทุกอย่าง ตั้งแต่เครื่องนุ่งห่มไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ หรือการเช่าสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงการผลิตใหม่ทั้งหมด การเพิ่มขึ้นของธุรกิจขายต่อ ให้เช่า ซ่อมแซม และสร้างใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘ธุรกิจหมุนเวียน’ เหล่านี้สามารถทำให้คาร์บอนฟุตพรินต์ของอุตสาหกรรมแฟชั่นลงได้ประมาณ 1 ใน 3 ของสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อจำกัดไม่ให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามรายงานของมูลนิธิ Ellen MacArthur

 

Niemtzow กล่าวอีกว่า คนที่ทำงานด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังทำเป็นไม่เห็นปัญหา ในเรื่องที่มีการผลิตและการบริโภคที่เกินขนาดมาหลายปีแล้ว แต่เรายังคงค้นหาโมเดลที่เหมาะสมเพื่อเป็นแนวทางให้กับเรา

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising